“ธรรมนัส” ลั่นไม่ลาออก! เล็งงัดหลักฐานแฉคนดิสเครดิตโยงเอี่ยวขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย

“ธรรมนัส” ลั่นไม่ลาออก หลังถูกแฉเอี่ยวขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย ยันมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังจ้องดิสเครดิต เล็งงัดหลักฐานแฉศุกร์นี้ (13 มี.ค.63)!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (10 มี.ค.63)  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุมครม. ถึงกรณีที่ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้พรรคถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อกดดันให้ปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากมีคนใกล้ชิดพัวพันขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย

โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ให้ไปสอบถามความเห็นจากทางพรรคประชาธิปัตย์เอาเอง พร้อมกล่าว “อยากถอนก็ถอนไป”อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบโรงงานทุกแห่งแล้ว และสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอน ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าเตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวว่า โดยยืนยันจะคงทำหน้าที่ต่อไปเพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งความจริงใกล้จะปรากฏแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังขอร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวังและนำเสนอข้อเท็จจริง พร้อมช่วยกันกระชากหน้ากากว่าใครอยู่เบื้องหลังเพจที่ออกมาแฉเรื่องการกักตุนหน้ากาก เพราะขณะนี้มีข้อมูลแล้วและจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (13 มี.ค.63) จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ขยายผลต่อไป ขณะที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ข่าวการการกักตุนหน้ากากอนามัยไม่มีมูลความจริง ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดจึงเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตนเอง โดยมีนักการเมืองบางคนอยู่เบื้องหลัง

ส่วนกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในพรรคที่สามารถพูดคุยกันได้ ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์กดดันให้ปลดโดยขู่ว่าจะทบทวนบทบาทพรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่ขอก้าวล่วง เพราะถือเป็นเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์

พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังได้เปิดเผยความคืบหน้าการตั้งกรรมการสอบ นายพิตตินันท์ รักเอียด คณะทำงานฯ ที่มีชื่อเข้าไปพัวพันเรื่องนี้ว่า ได้ไล่นายพิตตินันท์ ออกจากตำแหน่งแล้ว

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการพิจารณาและตัดสินใจเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ได้รับทราบสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว ขณะที่แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลก็ควรมีการพูดคุยกันเองและพิจารณาเฉพาะรัฐมนตรีในพรรคของตนเอง ไม่ควรก้าวก่ายข้ามพรรค ต้องคำนึงถึงเรื่องมารยาทและความเหมาะสม พร้อมระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการกักตุนหน้ากากอนามัยมากถึง 200 ล้านชิ้น เพราะกำลังผลิตในประเทศมีจำกัด แต่ที่สถานการณ์ที่เลวร้ายลงเพราะถูกซ้ำเติมจากกระแสโซเชียล

Back to top button