สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 มี.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 มี.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1,100 จุดเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 2,000 จุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นดีดตัวขึ้นเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน และหุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญฟื้นตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,018.16 จุด พุ่งขึ้น 1,167.14 จุด หรือ +4.89% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,882.23 จุด เพิ่มขึ้น 135.67 จุด หรือ +4.94% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,344.25 จุด เพิ่มขึ้น 393.57 จุด หรือ +4.95%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป (EU) และตลาดยังถูกกดดันอยู่แล้วจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.14% ปิดที่ 335.64 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,636.61 จุด ลดลง 71.29 จุด หรือ -1.51%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,475.49 จุด ลดลง 149.53 จุด หรือ -1.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,960.23 จุด ลดลง 5.54 จุด หรือ -0.09%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรป หลังสวีเดนประกาศเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อสู่ระดับสูง จากระดับปานกลาง และระบุว่า มีสัญญาณของการแพร่ระบาดในชุมชนเกิดขึ้นในประเทศ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,960.23 จุด ลดลง 5.54 จุด หรือ -0.09%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 10% เมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 3.23 ดอลลาร์ หรือ 10.4% ปิดที่ 34.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.86 ดอลลาร์ หรือ 8.3% ปิดที่ 37.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 1% เมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังส่งผลให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 15.40 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,660.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9.9 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 16.955 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 869.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 88.30 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 2,317.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า รัฐบาลของหลายประเทศจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.13 เยน จากระดับ 102.15 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9387 ฟรังก์ จากระดับ 0.9239 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3738 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3629 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1292 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1458 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2912 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3110 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6486 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6595 ดอลลาร์สหรัฐ