โปรดฟังอีกครั้ง! “นายกฯ” ยันไทยยังไม่เข้าเฟส 3 แม้ยอดติดเชื้อ “โควิด-19” เพิ่มต่อเนื่อง
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยันไทยยังไม่เข้าเฟส 3 แม้ยอดติดเชื้อ "โควิด-19" เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเตรียมการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถีว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังควบคุมได้อยู่ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน เป็นเรื่องปกติ แต่การตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มแสดงว่าเราคอนโทรลได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้องดูมาตรการคัดกรอง มาตรการคัดแยก รักษาพยาบาล กักกัน 14 วัน วันนี้มีกฎหมายออกมาแล้ว มีโปรแกรมในการติดตามตัว มีแอปพลิเคชั่น ซึ่งวันนี้ไปสาธิตที่สนามบินแล้ว ทั้งหมดจะเก็บข้อมูลไว้ และสามารถตามตัวได้ถึงแม้จะปิดโทรศัพท์ เหล่านี้คือมาตรการที่เราจำเป็นต้องทำให้รัดกุมที่สุด
“สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อทุกคนรู้สึกไม่สบายก็ต้องมาหาแพทย์ ตรวจสอบตัวเอง ถ้าพบเป็นบวก ก็ต้องไปตามว่าช่วง 5-10 วันไปอยู่ที่ไหนมาบ้าง หลายเคสเกิดจากการไปแบบรวมกลุ่มกัน ไม่ระวังตัวเอง ดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน เพราะฉะนั้นช่วงนี้ต้องระมัดระวัง เหมือนต่างประเทศที่ลดการสัมผัสมือกันแล้ว ใช้การไหว้ ซึ่งน่าปลื้มใจ ไม่ติดโรคและก็ดูอ่อนน้อม สวยงาม” พล.อ. ระบุ
ส่วนมาตรการยกเลิก Visa on Arrival (VOA) คือมาตรการสำหรับประเทศที่มีข้อตกลงเรื่อง VOA อย่างเดียว สำหรับ 4 ประเทศที่เราประกาศไปแล้วจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวด มีการตรวจโดยหมอที่ต้นทางมาแล้ว และมาตรวจซ้ำที่สนามบิน มาแยกรักษาและสังเกตอาการ ซึ่งตอนนี้เที่ยวบินลดไปหลายร้อยเที่ยวบิน จากเดิมวันละ 6,500 คน เหลือแค่พันกว่าคน เพราะมาตรการเข้มข้นขึ้น
นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงกรณีการปิดศูนย์กักกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศ ว่าไม่ได้ปิดหายไปเลย และพร้อมจะเปิดทำการทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ที่คาดการณ์ไม่ได้
ขณะที่การจัดงานเทศกาลสงกรานต์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะมีหลายกระแส บางคนก็อยากให้มีการจัด และบางคนก็ไม่อยากให้จัด ซึ่งต้องดูความต้องการของประชาชน โดยรัฐบาลมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาว่ามีความเหมาะสมและไม่เหมาะสมอย่างไร
ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยยังไม่ถึงระยะที่ 3 แม้สถิติในต่างประเทศจะสูงขึ้น แต่ถือว่าประเทศไทยสามารถทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าหากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากกว่านี้จะมีมาตรการอย่างไร เพราะมาตรการที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่ดีสมบูรณ์ที่สุด