12 บจ.ลุยซื้อหุ้นคืนกว่า 4 หมื่นล้าน หลังหุ้นต่ำบุ๊ก สู้ศึก “โควิด-19”
12 บจ.ลุยซื้อหุ้นคืนกว่า 4 หมื่นล้าน หลังหุ้นต่ำบุ๊ก สู้ศึก"โควิด-19"
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบหรือไวรัส COVID-19 ในเมืองอู่ฮั่นระบาดหนักจนต้องปิดเมือง อีกทั้งเชื้อดังกล่าวได้ระบาดลุกรามไปทั่วโลกและสร้างความกังวลต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทยนักลงทุนเริ่มกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวชัดเจนตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2563 และได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนักและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยหากเทียบดัชนี SET ยืนอยู่ที่ระดับ 1,573.70 จุด (ณ วันที่ 23 ม.ค.63) มาจนถึงปิดตลาดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 1,046.08 จุด ดัชนีปรับลดลง 527.62 จุด หรือลดลง 33.52%
แน่นอนท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวที่ยังไม่หยุดนิ่ง และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะตลาดทุนที่ค่อนข้างอ่อนไหวตามประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลายบริษัทปรับลดลงตามดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรง เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หายไป ขณะเดียวกันราคาหุ้นร่วงกว่าพื้นฐานบริษัทโดยวิธีที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ก็คือ การซื้อหุ้นคืนของบริษัทนั่นเอง
ดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจและรวบรวมกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนมานำเสนอโดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันพบว่ามี 12 บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนโดยมีวงเงินซื้อหุ้นคืนรวมอยู่ที่ 42,870.0 ล้านบาท ดังตารางประกอบดังนี้
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI แจ้งผ่าน ตลท. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2 พันล้าบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จำนวน 120 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 5.6% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. – 11 ส.ค.63 ขณะเดียวกันราคาหุ้น SPALI ล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 13.40 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 17.31 บาท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันนี้ (30 ม.ค.) อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stocks) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 4.6 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จำนวนไม่เกิน 23,932,601 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 1 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 14 -27 ก.พ.2563
โดยขณะนี้ได้สิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืนไปแล้วโดยธนาคารได้ดำเนินการซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้นจำนวน 23,932,601 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,207.96 ล้านบาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 87.75 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 169.79 บาท
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (หมาชน) หรือ CK แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (30 ม.ค.) เวลาประมาณ 17.00 น. โดยจะซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3 พันล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 169.39 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10 ของหุ้นที่จาหน่ายได้แล้วทั้งหมด ระยะเวลาซื้อหุ้นคืน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. – 1 ก.ย. 2563 โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 13.20 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 16.17 บาท
บริษัท ทีพีไอ โพลิน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่(31 ม.ค.63) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ของบริษัท จำนวน 383.61 ล้านหุ้น คิดเป็น 2% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ภายในวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยมีกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืน นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. – 13 ส.ค.2563 โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 0.98 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 2.26 บาท
บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนหุ้นที่ซื้อคืน 70,000,000 หุ้น โดยคิดเป็นจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 16.96% วงเงินซื้อหุ้นคืน 210 ล้านบาท วิธีการในการซื้อหุ้นคืนเสนอซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป วันที่เริ่มต้น – วันที่สิ้นสุดการซื้อหุ้นคืนวันที่ 20 เม.ย. 2563 ถึงวันที่ 29 เม.ย.2563 ราคาเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป 3.00บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ1.95 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 1.98 บาท
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินโดยจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 77,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 1.7 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 6 มีนาคม 2563 – 5 กันยายน 2563
บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือ BSBM เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 มีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 11.5 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นที่ซื้อตามโครงการไม่เกิน 11,325,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนร้อยละ 1.00 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตามรายละเอียดในแบบรายงานการเปิดเผยการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2562 นั้น
ล่าสุด บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า โครงการซื้อหุ้นคืนทางการเงินดังกล่าวได้สิ้นสุดลงในวันที่ 2 มีนาคม 2563 โดยบริษัท ได้ซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้น 11,325,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.00 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ แล้วทั้งหมด มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,955,745 บาท สำหรับการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนตามโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเสนอคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาและจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนจะกระทำภายหลังพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น และจะจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี หากบริษัทไม่จำหน่ายหรือจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนไม่หมดภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะดำเนินการลดทุนโดยการตัดหุ้นที่ซื้อคืนและยังไม่ได้จำหน่ายต่อไป ส่วนราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 0.70 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 1.67 บาท
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนของธนาคารในจำนวนไม่เกิน 135.96 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ภายในวงเงินไม่เกิน 16,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการเข้าซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.63 ถึงวันที่ 19 ต.ค.63
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้คือเพื่อเป็นการดูแลผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นและ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารถึงสถานะทางการเงินและขีดความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแรงและพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงเพื่อให้ราคาหุ้นของธนาคารสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของธนาคารได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารคาดหมายว่าการซื้อหุ้นคืนนี้จะส่งผลบวกต่อผู้ถือหุ้นผ่านการเพิ่มขึ้นของกำไรต่อหุ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลต่อหุ้น และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)
อย่างไรก็ดี ธนาคารมีสภาพคล่องส่วนเกินและเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในระดับที่สูงมากที่จะสามารถสนับสนุนโครงการซื้อหุ้นคืนนี้ได้อย่างเพียงพอ โดยในอนาคตธนาคารสามารถจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนมานี้ออกไป เพื่อนำสภาพคล่องกลับมาใช้ในการลงทุนต่อยอดการเติบโตของธนาคารเมื่อมีโอกาส
อย่างไรก็ตาม หากเมื่อครบกำหนดระยะการจำหน่ายหุ้นคืนและธนาคารเห็นว่าไม่มีโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมที่จะให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ธนาคารอาจพิจารณาตัดหุ้นที่ซื้อคืนนี้และจดทะเบียนลดทุนต่อไป ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 62.25 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 117.78 บาท
บริษัท ทักษิณคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SCP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 98.55 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 15,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-29 ก.ย. 2563 โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ 4.40 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 6.378 บาท
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 มี.ค. อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน โดยใช้วงเงินสูงสุด 1 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 400 ล้านหุ้น หรือ 4.65% ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.63 เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ
บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 มี.ค. อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1 พันล้านบาท มีจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่เกิน 91 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 5% โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.-26 ก.ย.63 โดยราคาหุ้นล่าสุดปิดวานนี้(16มี.ค.63) อยู่ที่ระดับ5.65 บาท โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 6.03 บาท
บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 มี.ค. อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 38,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 0.68% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท โดยเป็นการเข้าซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 ถึง 29 กันยายน 2563
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากสภาวะตลาดที่ผันผวนและราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง สร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนหลายๆ บริษัทที่มีความพร้อมทางการเงิน ขณะที่ผู้บริหารต้องการส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กลับมาเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยการประกาศซื้อหุ้นคืน (Tresury Stock) หากไปดูข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ในกลุ่มตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเกือบทั้งหมดราว 42 บริษัท และส่วนใหญ่จะประกาศซื้อหุ้นคืนในปีที่ตลาดฯปรับฐานแรงเสมอ เช่น
ปี 2558 SET Index ปรับฐาน 14% (ลดลงมากสุดใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน 5 บริษัท และมีมาต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2559 อีก 4 บริษัท ซึ่งในปี 2559 SET Index ฟื้นตัวกว่า 19.8%
ปี 2561 SET Index ลดลง 10.8% (ลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 ใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีการประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 13 บริษัท หลังจากนั้น 6 เดือน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.6% (ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562)
ปี 2562 ส่วนใหญ่มีการประกาศหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีราว 15 บริษัท หลังจาก SET Index มีการปรับฐานลงมาเยอะ
ปี 2563 มีการประกาศซื้อหุ้นคืน 4 บริษัท หลังจากที่ SET Index ปรับตัวลงกว่า 3.5% (ตั้งแต่ต้นปี)
ทั้งนี้หากพิจารณาโดยภาพรวมของ SET Index สังเกตได้ว่าหลังจากบริษัทจดทะเบียนออกมาประกาศซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก SET Index มักจะตอบสนองในเชิงบวกและมีโอกาสรีบาวด์กลับในระยะถัดไปเสมอ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักลงทุน ตอบรับสัญญาณที่ผู้บริหารส่งออกมาว่าราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องในการปรับขึ้นของราคาหุ้นยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งแรงหนุนจาก Fund Flow
โดยฝ่ายวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ค้นหาช่วงเวลาในการลงทุนหุ้นที่ถูกซื้อหุ้นคืน จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ “ซื้อหุ้นดังกล่าวในวันที่ประกาศ และขายทำกำไรใน 1 เดือนถัดมา” มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%) เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาหุ้น บวกกับความคาดหวัง EPS เพิ่มขึ้น จากจำนวนหุ้นที่ลดลงตามจำนวนที่ซื้อคืน รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณของผู้บริหารว่าหุ้นบริษัทตัวเองถูกเกินไป
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นราคาส่วนใหญ่จะย่อตัวลงตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากประกาศซื้อหุ้นคืนเกิน 6 เดือน ผลตอบแทนที่ได้มีโอกาสย่อตัวจนติดลบ เนื่องจากบริษัทมีระยะเวลาในการซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันราคาและยังสอดคล้อกับสถิติในอดีต
สำหรับข้อสรุปจากข้อมูลในอดีต ในช่วงเวลาที่มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนจำนวนมาก ภาพรวมตลาดมีโอกาสฟื้นในระยะถัดไปเสมอ ส่วนราคาหุ้นบริษัทที่ถูกประกาศซื้อหุ้นคืนมักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในระยะสั้น (ดีสุด 1 เดือนหลังประกาศ) ส่วนระยะยาวตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ราคามักย่อตัวลง และหลายๆบริษัทให้ผลตอบแทนติดลบ สวนทางตลาดที่เริ่มฟื้นขึ้น
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน