WHA คาดผลงานไตรมาส 1 หด หลังลูกค้าเลื่อนเซ็นโอนที่ดิน ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 15%
WHA คาดผลงานไตรมาส 1 หด หลังลูกค้าเลื่อนเซ็นโอนที่ดินเหตุเจอพิษไวรัสโควิด-19 ระบาด ยังย้ำเป้ารายได้-ส่วนแบ่งกำไรปีนี้โต 15% เล็งขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์
น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 น่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกค้าเลื่อนการโอนที่ดินออกไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้ายอดขายที่ดินทั้งปี 63 ไว้ตามเดิมที่ 1,400 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 1,200 ไร่ และเวียดนาม 200 ไร่ โดยปัจจุบันเตรียมเซ็นสัญญาแล้ว 125 ไร่ ของเป้ายอดขายทั้งหมด อีกทั้งยังคงเป้ายอดโอนปีนี้ไว้ที่ 1,200 ไร่ รวมถึงยังมีแผนเปิดนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังอีก 1 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 12 แห่ง
ส่วนธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค มองว่าได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากเหตุการณ์ภัยแล้ง โดยภาครัฐก็มีนโยบายให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดการใช้น้ำลง 10% ส่งผลทำให้ปริมาณการขายและให้บริการน้ำจะลดลงในครึ่งปีแรกนี้ แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่โหมดปกติ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าวจะยังเติบโตได้ โดยสิ้นปีนี้น่าจะมีปริมาณการขายและให้บริการน้ำเพิ่มเป็น 147 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อนทำได้ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคในเวียดนามจำนวน 30 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับยอดการเช่าพื้นที่สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดเช่าอาคารในปีนี้ไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร โดยจะมาจาก E-commerce Park เฟส 2 จำนวน 70,000 ตารางเมตร, E-commerce Center เฟส 2 จำนวน 30,000 ตารางเมตร, Automotive จำนวน 25,000 ตารางเมตร, Multi temperature 11,000 ตารางเมตร, Food Process 10,000 ตารางเมตร และ Food Production 10,000 ตารางเมตร
ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากลูกค้าหลัก คือ Consumer, Health Care และ E-commerce ซึ่งธุรกิจที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ E-commerce จากคนเริ่มมีการซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาก็มีการตื่นตระหนกเกิดขึ้น ทำให้มีการกักตุนอาหารกันอย่างมาก ซึ่งก็คือกลุ่ม Consumer ส่วน Health Care ตรงนี้ก็เห็นภาพชัดเจนแล้วว่าได้รับประโยชน์อย่างมาก
ส่วนธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนในปีนี้ไว้ที่ 590 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่ 559 เมกะวัตต์ โดยในส่วนของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟ) จะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 35 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรในปีนี้เติบโต 15% ขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะเติบโตมาที่ 40% โดยจะมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (recurring) 43% และ non-recurring 57% รวมถึงยังวางงบลงทุน 5 ปี (63-67) ไว้ที่ระดับ 52,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบมากขึ้น และลากยาวเกินครึ่งปี บริษัทก็จะมีการทบทวนเป้าหมายอีกครั้งในช่วงครึ่งปีนี้
ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั้ง 2 กอง แบ่งเป็น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมโกรท (WHART) ราว 150,000 ตารางเมตร และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) จำนวน 50,000 ตารางเมตร ขณะเดียวกันยังมีแผนออกหุ้นกู้ราว 3,000-4,000 ล้านบาท ในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินด้วย