ฝันกลางวันเพื่อปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
ทุกครั้งที่หุ้นร่วงหนัก คนที่อยู่นอกตลาด แต่เสแสร้งแสดงอวดภูมิรู้ มักจะทำตัวเป็น “มือที่มองเห็น” เข้าเสนอมาตรการที่ “เจตนาดี ประสงค์ร้าย” เพื่อข้ออ้างช่วยเหลือนักลงทุน ทั้งที่ว่าไปแล้วไม่เคยมีนักลงทุนหน้าไหนออกมาป่าวร้องขอความช่วยเหลือ
พลวัต : วิษณุ โชลิตกุล
ทุกครั้งที่หุ้นร่วงหนัก คนที่อยู่นอกตลาด แต่เสแสร้งแสดงอวดภูมิรู้ มักจะทำตัวเป็น “มือที่มองเห็น” เข้าเสนอมาตรการที่ “เจตนาดี ประสงค์ร้าย” เพื่อข้ออ้างช่วยเหลือนักลงทุน ทั้งที่ว่าไปแล้วไม่เคยมีนักลงทุนหน้าไหนออกมาป่าวร้องขอความช่วยเหลือ
มือที่มองเห็นนี้มักจะแทรกตัวในยามตลาดขาขึ้นในนามของผู้ที่หวาดกลัวฟองสบู่ทางด้านการเก็งกำไร และในยามตลาดขาลงในนามของเสถียรภาพของตลาดและเศรษฐกิจ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วเป็นข้ออ้างที่ไร้สาระสิ้นดี
โดยหลักการแล้วตลาดหุ้นถือเป็นตลาดเก็งกำไรที่ยินยอมให้ราคาเคลื่อนไหวเสรีตามความคาดหวังของกลุ่มนักลงทุนที่วางตำแหน่งของแต่ละคนโดยผ่านความโลภและความกลัว
นักลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ถือเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์บวกและลบของการเคลื่อนไหวขาขึ้นและขาลงมาพอประมาณ ดังนั้นการแทรกแซงของมือที่มองเห็นจึงเท่ากับเบี่ยงเบนหลักการของตลาดหุ้นโดยตรง
ที่สำคัญพัฒนาการของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาเกือบ 40 ปีแล้วถือว่ามีเครื่องมือในการกำกับดูแลที่พอสมควร เช่นมาตรการทำให้เกิดความโปร่งใสในข้อมูลของบริษัทหรือหลักทรัพย์จดทะเบียน หรือมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ในยามที่ตลาดแกว่งไกวเกินขนาด หรืออื่น ๆ
การหาโอกาสแทรกแซงเช่นนี้ แม้จะอ้างถึงเจตนาอันดี แต่ถือว่าเป็นการทำลายธรรมชาติของตลาดทุนอย่างบิดเบือน และนำไปสู่ความวิปริตของตลาดได้ง่าย ๆ
ถือว่าเป็นการฝันกลางวันหรือ “บ้าแดด” ในเดือนที่อากาศร้อนที่สุดของปีก็คงไม่ผิด
ข้อเสนอของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ให้ตลาดทำการหาความเป็นไปได้ของมาตรการป้องกันหุ้นร่วง 3 ด้านคือ
– มาตรการห้ามการทำชอร์ตเซลล์
– ตั้งกองทุนพยุงหุ้น
– ดูแลมาตรการฟอร์ซเซลล์
ทั้งสามมาตรการล้วนมีเจตนาดี แต่ประสงค์ร้ายทั้งสิ้นเพราะผิดหลักการและพัฒนาการของตลาดการเก็งกำไรถึงที่สุด
กรณีที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประชุมเร่งด่วนเพื่อหามาตรการดูแลตลาดหุ้นไทย หลังจากตลาดหุ้นร่วงลงรุนแรงในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม
เขาย้ำว่า ได้ขอให้ไปดู 2 ส่วนหลัก ส่วนแรก คือ การขายหุ้นโดยไม่มีในมือ (ชอร์ตเซลล์) โดยดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสั่งห้ามไม่ให้มีการขายชอร์ตหุ้นในช่วงนี้
ส่วนที่สอง คือ เรื่องการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซลล์) ซึ่งในส่วนนี้ให้ไปดูว่าจะสามารถผ่อนปรนอย่างไรได้บ้างเพราะตลาดหุ้นที่ลงแรงในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยดังกล่าวด้วย
นอกจากนั้นยังเผยอีกว่ารัฐบาลยังอยู่ระหว่างหารือการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น โดยจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันจันทร์ที่ 16 มี.ค.นี้ด้วย ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเป็นลักษณะที่หน่วยงานรัฐใส่เงินก้อนหนึ่ง และให้เอกชนร่วมลงขันในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวด้วย โดยจะไม่ใช้งบประมาณของรัฐ
ข้อเสนอทั้งสามส่วน อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้วันศุกร์ที่ว่า เกิดแรงซื้อสุทธิบรรดากองทุนในประเทศกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ดัชนีที่ติดลบแรงกว่า 145 จุด ดีดกลับมาบวกกว่า 20 จุด เมื่อปิดตลาด ในขณะที่ต่างชาติ พอร์ตโบรกเกอร์และรายย่อยพากันขายสุทธิไม่มียั้ง
คำอธิบายว่ากองทุนมีความมั่นใจว่ามือที่มองเห็นของนายสมคิดจะดันราคาหุ้นมิให้ร่วงลงมา กลายเป็นฝันดีเพียงชั่วคราว เพราะวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดพากันร่วงต่ออีก 80 กว่าจุดดังที่ปรากฏให้เห็น
ถ้าอธิบายง่าย ๆ และตื้นเขิน ต้องบอกว่าแรงขายของต่างชาติ ยังคงมีต่อไป และความมั่นใจของนักลงทุนรายย่อยยังไม่กลับคืน เนื่องจากมุมมองว่าตลาดหุ้นบ้านเรายังไม่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวทำให้ภาวะการซื้อขายในระยะนี้จะเป็นไปตาม Sentiment ของตลาดหุ้นต่างประเทศ และสำนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังคงคำแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดไว้ในมือให้มากกว่าถือสินทรัพย์เสี่ยง
หากมองจากมุมของคนกลาง ความพยายามของนายสมคิดนั้นเปรียบได้กับการ “ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ” ที่ยากจะได้ผลเพราะการพยายามงัดเอามาตรการเก่า ๆ ที่ไม่เคยใช้ได้ผลเป็นรูปธรรม นอกจากจะทำลายธรรมชาติของ “คุณตลาด” ที่ยากต่อกรแล้ว ยังทำให้เกิดการบิดเบือนชั่วคราว
ตัวอย่างง่าย ๆ ปรากฏการณ์ “กระหน่ำซื้อ” ของกองทุน ทำให้เกิดการเสียหายในกลุ่มนักลงทุนในตราสารอนุพันธ์อย่าง SET 50 Futures ที่เล่นเกมบริหารความเสี่ยงด้วย short positions อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่คนเล่นเกมlong positions ได้รับประโยชน์มหาศาลจากแรงเหวี่ยงของดัชนีจากลบ 145 จุด มาเป็นบวก 27 จุด รวมแล้วมีแรงเหวี่ยงมากกว่า 165 จุดที่ชัดเจน
หากแรงซื้อของกองทุนอาจจะทำให้พอร์ตในมือกองทุนดูสวยงามชั่วคราวในวันศุกร์ แล้วเกิดการถล่มทลายเละเทะในวันจันทร์วานนี้ นายสมคิดจะมีคำอธิบายต่อนักลงทุนที่ “เสียค่าโง่” ให้กับ “มือที่มองเห็น” นี้อย่างไร
คำตอบของนายสมคิดจะเป็นอย่างไร คงไม่มีความหมายอะไร เฉกเช่นเดียวกับความพยายามสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับบริษัทเจ้าของหุ้น THAI ……ยังไงก็อย่างนั้น
คนทำนองศรีธนญชัย ไม่เคยเป็นที่ชื่นชอบของ “คุณตลาด” อย่างแท้จริง เสมอมา