หลุดพันจุด ?

*ดูเหมือนความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อย ๆ จนผู้คนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ทุกคนพอคาดเดาได้ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่รู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงขนาดไหน ? เลยทำให้นักลงทุนพยายามขายหุ้นเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นทางออกเดียวที่ทำให้พอร์ตของนักลงทุนไม่ยับเยินไปกว่าที่เป็นอยู่นะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อย ๆ จนผู้คนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ทุกคนพอคาดเดาได้ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่รู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงขนาดไหน ? เลยทำให้นักลงทุนพยายามขายหุ้นเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นทางออกเดียวที่ทำให้พอร์ตของนักลงทุนไม่ยับเยินไปกว่าที่เป็นอยู่นะคะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมองกันตามตรงว่า โอกาสที่ดัชนีจะหลุดพันจุดเป็นไปได้แค่ไหน ? เพราะแรงขายยังไม่มีทีท่าจะเบาบางลงเลย ทั้งที่หน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเข็นมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยยับยั้งแรงขายที่ออกมา แต่สุดท้ายดัชนีก็ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 1,046.08 จุด ลบไป 82.83 จุด หรือลงไป 7.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.81 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นจุดที่นักเล่นต้องประเมินกันอีกครั้งว่า เหมาะต่อการทยอยสะสมหุ้นหรือยังเจ้าคะ

*เนื่องจากข้อมูลรอบด้านไม่มีตัวไหนทำให้รู้สึกอุ่นใจเลยสักอย่าง ผนวกกับเฟดออกมาปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 0% เท่ากับเป็นการตอกย้ำสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกฝืดเคืองอย่างหนัก ส่งผลให้ประเทศมหาอำนาจต้องงัดมาตรการบรรเทาสถานการณ์ออกมาใช้แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องมุมมองที่จะมองเป็น “ด้านบวก” หรือ “ด้านลบ” ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราไปอยู่ตรงไหนของเรื่องพะยะค่ะ

*หากอยู่ในมุมของคนมีเงินเยอะอาจตกอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” เพราะหุ้นก็ตกหนักเหลือเกิน จนความมั่งคั่งหดหายไปมาก ครั้นจะหนีไปหาทองคำเพื่อใช้เป็นแหล่งพักพิง ก็ต้องเผชิญกับความผันผวนจนเกินจะรับไหว ครั้นจะวิ่งไปหาตลาดบอนด์เพื่อความปลอดภัย ก็แทบจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย จึงกลายเป็นความทุกข์ระทมที่ทุกคนต้องประสบพบเจอ และต้องผ่านไปให้ได้นะตัวเอง

*เหมือนกับในรายของหุ้น BAM โดนนักเล่นกลุ่มสถาบันขายหนัก จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 15.60 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 13.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.74 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time low “โมนิก้า” มองเป็นการปิดความเสี่ยงของนักเล่นแกนหลัก เพราะประเมินแล้วพบว่าโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ น่าจะเป็นเรื่องยากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ จึงกลายเป็นหุ้นที่ไม่มีสีสันอะไรอีกแล้วนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AOT ถูกนักเล่นกระหน่ำขายครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกินกว่าจะตั้งลำได้ในเร็ววันแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นไฟต์บังคับที่น่าเห็นใจจริง ๆ และไม่มีคำพูดไหนจะมาปลอบประโลมใจได้เลย เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 50 บาท ลบไป 6.50 บาท หรือลงไป 11.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.45 พันล้านบาท ไม่ใช่จุดต่ำสุดของการเล่นเที่ยวนี้แน่ ๆ เพราะจำนวนคนที่มาใช้สนามบินลดลงตลอดเวลาน่ะซี

*อีกรายที่น่าห่วงเหลือเกินในเวลานี้ คงพุ่งเป้าไปยังหุ้นปิโตรเคมีอย่าง IVL หลังราคาหุ้นไหลลงจนกู่ไม่กลับ แถมแรงเทขายไม่มีทีท่าจะเบาลงเลย ผนวกกับตัวธุรกิจอยู่ในช่วงดาวน์สุด ๆ จึงมองการลงมาปิดที่ 17.10 บาท ลบไป 2.70 บาท หรือลงไป 13.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 833 ล้านบาท ยังเป็นช็อตหนีตายที่แมงเม่าไม่ควรยื่นมือเข้าไปรับมีดเป็นอันขาด เพราะมันมีแต่เจ็บตัวสถานเดียวนะจะบอกให้

*คล้ายกับกรณีของ LOXLEY ไหลลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 17 ปี ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 0.71 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 18.40% ด้วยวอลุ่มที่แห้งเหือด “โมนิก้า” มองเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่ยากเกินจะบรรยาย เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากจะรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นหุ้นพิมพ์นิยม อะไรก็ดูสวยงามไปหมดนะคะ

*ไหน ๆ เม้าท์ถึงเรื่องไม่สบายใจขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” หันไปดูหุ้น TRC หลังหุ้นลงมายืนที่ 0.06 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 25% ด้วยจำนวนหุ้นที่เทรดมากถึง 113 ล้านหุ้น ก็เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ผ่านช่วงตกต่ำของการทำธุรกิจมาแล้ว และสามารถพาตัวเองกลับขึ้นมาสู่ช่วงรุ่งเรืองในการทำธุรกิจได้เช่นกัน เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ให้ดีเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นทีเด็ดที่ตุนงานในมือไว้เพียบอย่าง SKY ยังโดนแฟนคลับขาประจำรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 12.70 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องภาวะตลาดหุ้นบีบคั้นต้องให้สละเรือไปก่อน หลังจากนั้นค่อยไปเซ็ตเกมกลับขึ้นมาใหม่ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเฝ้าดูหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษนะจ๊ะ

Back to top button