มืดแปดด้าน ?
*ความไม่ชัดเจนของมาตรการที่ออกมาต่อสู้กับไวรัสมรณะในเที่ยวนี้ ทำให้ผู้คนมากมายเกิดอาการมืดแปดด้านกันเป็นแถว เพราะไม่รู้จะปฏิบัติตัวในภาวะขมุกขมัวอย่างไร! จนเป็นเหตุทำให้ทุกคนหันมาใช้กลยุทธ์ไปตายเอาดาบหน้า เพราะการเลือกใช้วิธีอยู่เฉย ๆ เหมือนเป็นการนอนรอวันตาย จึงเห็นนานาประเทศออกมาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากเชื้อมรณะเป็นระลอกไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ความไม่ชัดเจนของมาตรการที่ออกมาต่อสู้กับไวรัสมรณะในเที่ยวนี้ ทำให้ผู้คนมากมายเกิดอาการมืดแปดด้านกันเป็นแถว เพราะไม่รู้จะปฏิบัติตัวในภาวะขมุกขมัวอย่างไร! จนเป็นเหตุทำให้ทุกคนหันมาใช้กลยุทธ์ไปตายเอาดาบหน้า เพราะการเลือกใช้วิธีอยู่เฉย ๆ เหมือนเป็นการนอนรอวันตาย จึงเห็นนานาประเทศออกมาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากเชื้อมรณะเป็นระลอกไงล่ะคะ
*เนื่องจากมาตรการต่าง ๆ ที่พยายามเข็นออกมาก่อนหน้านี้ ยังไม่สามารถต้านทานพิษสงของเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาแรงมากขึ้นไปทีละสเต็ปนั้น “โมนิก้า” จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน เพราะเวลานี้ไม่สามารถไปโทษใครได้อีกแล้ว เดี๊ยนเลยเกิดอาการเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเรื่องราวในแต่ละวันมีแต่ความหดหู่ เลยตัดสินใจพูดอะไรกลาง ๆ เพื่อให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้านะคะ
*เหมือนกับมาตรการที่ ตลท. งัดออกมาใช้เพื่อชะลอหุ้นลงในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องดีกว่าไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง (ทำช้า ดีกว่าไม่ทำ) จึงไม่อยากพูดอะไรมากกว่าที่ทุกคนรู้อีกแล้ว และขอให้แฟนคลับหันไปดูแรงขายที่ทำให้ดัชนีทรุดตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 1,035.17 จุด ลบไป 10.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.71 หมื่นล้านบาท มันเกิดจากนักเล่นกลุ่มไหน ? และนักเล่นกลุ่มนี้มีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยแบบไหน ? เจ้าค่ะ
*โดยข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นตัวชี้ให้รู้ว่า หุ้นไทยมีโอกาสลงลึกไหม ? “โมนิก้า” เลยไปล้วงแคะข้อมูลออกมาดูอีกครั้ง ผลปรากฏว่าฝรั่งขี้นกกลายเป็นกลุ่มนักเล่นที่สาดทิ้งหุ้นไทยไม่เลิกสักที แถมวานนี้ยังโยนทิ้งออกมาอีก 5.42 พันล้านบาท ส่งผลให้ตัวเลขขายสะสมครึ่งเดือนแรกของ มี.ค. ทะลุขึ้นไปยืนในระดับ 5.17 หมื่นล้านบาท และเมื่อมองตัวเลขสะสมนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ในระดับ 8.86 หมื่นล้านบาท คงต้องใช้คำว่าฝรั่งต้องการล้างพอร์ตนะจะบอกให้
*ในเมื่อทุกคนเห็นกันอยู่แล้วว่าพวกกองทุนต้องการลดความเสี่ยงด้วยการหันไปถือเงินสดให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้ ดัชนีก็คงไม่หยุดลงเพียงแค่นี้แน่ ๆ เพราะฝรั่งขี้นกยังมีของให้ขายอีกแสนล้านเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงไม่เคยครั่นคร้ามกับแรงขายที่จะออกมาอีกระลอก เพราะเป็นจุดที่คนรุ่นเก่าเคยเห็นกันมาแล้ว โดยเฉพาะในปี 2561 มียอดขายสะสมทั้งปีรวม 2.80 แสนล้านบาทเจ้าค่ะ
*ประเด็นนี้ทำให้ “โมนิก้า” มองการแกว่งตัวลงของหุ้นรายตัวยากต่อการหลีกเลี่ยง เพราะมองจากมุมด้านบน มุมด้านหลัง หรือมุมข้าง ๆ มันไม่มีมุมไหนที่ทำให้รู้สึกชื่นใจ จึงอยากให้นักเล่นจำแนกหุ้นแต่ละประเภทออกเป็นกลุ่ม “เสี่ยงต่ำ” กับกลุ่ม “เสี่ยงสูง” เพื่อช้อนซื้อหุ้นดีราคาถูกได้ตรงจังหวะ แถมยังได้รับเงินปันผลในอัตราที่เกินกว่า 10% เป็นของแถมติดปลายนวมแบบนี้..คุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะคะ
*ส่วนหุ้นที่ไม่คุ้มเอาเสียเลยในเที่ยวนี้กลายเป็นหุ้นสายการบิน เพราะมีเสียงร่ำลือถึงเรื่องล้มละลายเกิดขึ้นถี่มากเหลือเกิน จนทำให้เดี๊ยนเกิดอาการหวั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะมันหมายถึงโอกาสติดโทษแบนยาวเป็นไปได้สูง และราคาที่เห็นในกระดานเที่ยวนี้ ต้องมีราคาที่ต่ำกว่าให้เห็นอีกแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นความจำเป็นในการเก็บหุ้นกลุ่มนี้เข้าพอร์ตเลยพับผ่าซิ!
*เช่นเดียวกับหุ้นบันเทิงเริงรำ MAJOR กลายเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุดตัวหนึ่งในห้วงเวลานี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งงัดทุกวิธีออกมาใช้ เพื่อทำให้คนออกมาดูหนัง แต่สุดท้ายความฝันก็พังทลายไม่มีชิ้นดี เพราะไวรัสมรณะยังระบาดไปทั่วเมือง และยังมองไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้หุ้นตัวนี้กลับมาทำกำไรงาม ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 14.20 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 11.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 8 ปี 3 เดือนแบบนี้..เดี๊ยนบอกได้เลยว่า ยังต่ำได้อีกนะคะ
*อีกหนึ่งรายที่ทำ all time low หลังจากเข้าตลาดหุ้นได้แค่เพียง 3 ปี และยังคงเดินหน้าทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นตัวแสบอย่าง GGC เพื่อให้นักเล่นพึงสำเหนียกมากเป็นพิเศษว่า บริษัทแห่งนี้เต็มไปด้วยวังวนของปัญหา คนภายนอกมองเป็นองค์กรที่มีเหลือบไรคอยรุมสูบเลือดไม่หยุดหย่อน จึงไม่มีใครอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยทั้งนั้น ส่งผลให้หุ้นลงมายืนปิดที่ 4.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 13.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ไม่มีใครอยากเข้ามารับของร้อนนะจะบอกให้