ระทึก! แอปฯวิดีโอคอล Zoom ล่มทั่วโลก ชี้ยังไม่รู้สาเหตุหยุดทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Zoom แอปพลิเคชันแชทยอดนิยมเกิดล่มทั่วโลกไปช่วง 9.00 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักร หรือประมาณ 15.00 น. วันนี้(23มี.ค.63)ตามเวลาประเทศไทย สำหรับ แอปพลิเคชันสตรีมมิ่งวิดีโอยอดนิยม “ซูม” (Zoom) เกิดหยุดทำงานกระทันหันในบางพื้นที่ทั่วโลก เบื้องต้นยังไม่มีการเผยสาเหตุการล่มครั้งนี้ แต่มีการยืนยันแล้วว่าการล่มครั้งนี้เกิดขึ้นในวงกว้างทั่วยุโรปและเอเชีย

นอกจากนี้แอปพลิเคชัน Zoom เป็นบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่บีบให้ผู้คนจำนวนมากต้องทำงานจากบ้าน โดยส่วนใหญ่ต้องทำงานผ่านระบบการทำงานจากระยะไกล ซึ่ง Zoom ถือเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันเพื่อการสื่อสารผ่านวิดีโอที่ได้รับความนิยม คาดว่าสถิติการใช้งาน Zoom นั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว

ข้อมูลจากดาวน์ดีเทคเตอร์ (Down Detector) พบว่าเหตุการณ์ Zoom ล่มนี้ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ทั่วยุโรปตะวันตก โดยผู้ใช้ Zoom เริ่มรายงานปัญหาการใช้งานตั้งแต่ก่อนเวลา 9.00 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักร หรือประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบปัญหาการเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถประชุมทางวิดีโอ และไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ได้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการล่มของ Zoom อยู่ในสถานการณ์ดีขึ้นบางช่วง ไม่ชัดเจนว่าผู้ใช้ทั้งหมดสามารถกลับมาใช้งานได้ตามเดิมแล้วหรือไม่ แต่ในประเทศไทยสามารถใช้งานได้ตามปกติ โดยยังไม่ชัดเจนว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในสหรัฐฯหรือไม่ เนื่องจากปัญหานี้เริ่มขึ้นในช่วงเวลาเช้ามืดของชาวอเมริกัน

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจนที่แอปล่มไป แต่มีความเป็นไปได้ว่าการล่มครั้งนี้อาจเชื่อมโยงกับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งการใช้งานในเวลากลางวันถึงบ่ายนั้นเพิ่มขึ้นพร้อมกัน ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเวลาทองสำหรับเรียกประชุมพนักงานที่ต้องทำงานจากบ้าน

สำหรับ Zoom นั้นเป็นแอปพลิเคชันแชทยอดนิยมที่สามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่จำกัดจำนวนผู้ร่วมการประชุม แต่การแชทกลุ่มแบบฟรีจะถูกจำกัดเวลาไว้ที่ 40 นาที ซึ่งผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถจ่ายค่าบริการ ซึ่งบริการระดับสูงสุดจะเปิดกว้างให้มีผู้เข้าร่วมประชุมได้มากถึง 1,000 คน

ข้อเสียของ Zoom ถูกมองว่าอยู่ที่ปัญหาความเป็นส่วนตัว ซึ่งในอดีต Zoom มีข่าวข้อมูลรั่วไหล โดยล่าสุด Zoom ยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับปัญหานี้ทั้งบนบัญชีทางการใน Twitter รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศ.