WHA กูรูปรับลดประมาณการลงมากแนะนำถือราคาเป้าหมาย 4.08 บาท

WHAกูรูปรับลดประมาณการปี 58 ลงถึง 30% และ 59 อีก 20% จากเดิม สะท้อนการไม่สามารถบันทึกรายได้ในส่วนขายสำนักงาน 2 แห่งออกไป ตามเกณฑ์ ก.ล.ต. อีกทั้งแนวโน้มยอดขายนิคมฯของ HEMRAJ มีโอกาสสูงที่จะหลุดเป้าคาดกำไรหลัก ไตรมาส 2/58 ดีขึ้นเป็น 34 ล้านบาท เพิ่ม 20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะเป็นไตรมาสแรกที่นำ HEMRAJ มาทำงบรวมเต็มไตรมาส กำไรตามส่วนได้เสียจาก Gheco-One มีส่วนผลักดัน และกำไรสุทธิสูงขึ้น จากกำไรพิเศษ 100 ล้านบาทการที่กองทุน WHART พลิกเป็นขาดทุน เพราะมีขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการวัดค่าเงินลงทุน ส่งผลจิตวิทยาทางลบปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิมซื้อ แม้ปรับประมาณการลงมาก แต่อัตราการเติบโตของกำไรเทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในเกณฑ์สูง ราคาพื้นฐานใหม่ประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 20 เท่า สำหรับ PEG ปี 58 ยังต่ำเป็นเพียง 0.2 เท่า


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (6 ส.ค.) ว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ก.ล.ต.ยังไม่ให้บันทึกรายได้ขายอาคารสำนักงานเข้าสู่ REIT จากแผน WHA ที่ต้องการขายอาคารสำนักงาน 2 แห่งคือ อาคาร SJ Infinite Business Center และอาคารบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีพื้นที่ 21,993 ตรม. และ 9,335 ตรม. ตามลำดับ มูลค่า 2.4 พันล้านบาท แต่เนื่องจาก ก.ล.ต.เห็นว่าอาคารที่นำมาขายยังไม่มีประวัติหรือข้อมูลในอดีตที่เพียงพอ อีกทั้งอัตราการเข้าเช่ายังต่ำที่ประมาณ 60% จึงถือว่ายังไม่ได้ขายออกไปชัดเจน จึงยังไม่ให้บันทึกเป็นรายได้ จนกว่า 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทยังได้รับเงินสดจากค่าขายปกติจึงสามารถนำเงินไปชำระหนี้ได้ และทยอยบันทึกค่าเช่าได้ตามปกติ เราจึงได้ปรับลดประมาณการรายได้ออกไปที่ 2.4 พันล้านบาท

 แนวโน้มยอดขายนิคมฯ HEMRAJ มีแนวโน้มจะหลุดจากเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันเป็น 1,400 ไร่ แต่ยอดขายในรอบ 1H58 ทำได้เพียง 370 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 26% เราจึงได้ปรับลดสมมุติฐานยอดขายใหม่สำหรับปีนี้และปีหน้าเป็น 1,000 และ 1,200 ไร่ ตามลำดับ จากเดิมที่ 1,400 และ 1,600 ไร่ ตามลำดับ จึงยังผลให้มีการปรับลดรายได้จาก HEMRAJ ที่นำมาทำงบรวมลดลงสำหรับปีนี้และสำหรับปีหน้าเหลือ 1,878 และ 2,984 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนสาเหตุที่ยอดขายนิคมฯปีนี้ยังซบเซา สาเหตุหลักมาจากการลงทุนจากต่างประเทศมีน้อยลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศของไทย รวมทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีการชะลอตัวลง

ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลงมาก ในอัตรา 30% และ 20% จากประมาณการเดิม ด้วยสองปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งได้มีการทบทวนค่าใช้จ่ายขาย-บริหาร รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายหลังการนำ HEMRAJ มาจัดทำงบรวมเพิ่มขึ้นด้วย โดย WHA ถือครองหุ้น HEMRAJ ถึง 92.88% ซึ่งมีแผนจะนำ HEMRAJ ออกจากตลาดฯ (Delisting) ด้วยการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ในส่วนที่เหลืออีก 7.12% ที่ราคา 4.40 บาทต่อหุ้น จึงคาดว่าพอถึงปี 59 WHA จะถือหุ้นใน HEMRAJ 100% อย่างไรก็ตามแม้มีการปรับคาดการณ์กำไรลงมาก แต่อัตราการเติบโตของกำไรหลักต่อหุ้นเทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในเกณฑ์สูงปีนี้และปีหน้าเป็น 94% และ 39% ตามลำดับ

คาดการณ์กำไรหลัก ไตรมาส 2/58 ออกมาดีขึ้น เป็น 34 ล้านบาท เพิ่ม 20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท และ เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่เป็นขาดทุนสุทธิ 5 ล้านบาท  เพราะเป็นไตรมาสแรกที่นำ HEMRAJ มาทำงบรวมเต็มไตรมาส ทำให้รายได้รวมเพิ่ม 1,083% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 237% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 1,436 ล้านบาท ด้านกำไรตามส่วนได้เสียจาก Gheco-One ดีขึ้นเป็น 432 ล้านบาท เทียบกับ เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไร 76 ล้านบาท ก็มีส่วนผลักดันให้ดีขึ้น หลังจาก ไตรมาส 2/58 รับรู้กำไรเต็มไตรมาส กลับมาผลิตไฟฟ้าปกติ หลังไตรมาส 1 มีการหยุดซ่อมบำรุง แม้ว่าบาทที่อ่อนค่าจะทำให้เกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนก็ตาม นอกจากนี้กำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 134 ล้านบาท จากกำไรพิเศษ 100 ล้านบาทซึ่งเกิดจาก HEMRAJ ขายสินทรัพย์ที่ไม่เป็นหลัก (Non-Core Assets) ออกไป 2 รายการ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไตรมาสนี้บันทึกค่าใช้จ่าย M&A เพิ่ม 100 ล้านบาท) รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นมากก็ตามจากการทำงบรวม เราคาดว่าเป็น 366 และ 752 ล้านบาท ตามลำดับ

กองทุน WHART พลิกเป็นขาดทุน ส่งผลลบทางจิตวิทยา กองทุนดังกล่าวคือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท ซึ่ง WHA ถือหุ้นใหญ่อยู่ในสัดส่วน 15% ใน ไตรมาส 2/58 ที่ผ่านมาพลิกเป็นขาดทุน 44 ล้านบาท แม้ว่ามีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 54 ล้านบาท แต่มีรายการขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการวัดค่าเงินลงทุน 98 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพราะทางผู้สอบบัญชีประเมินสินทรัพย์ด้วยวิธีพิจาณาจากรายได้ (income approach) ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ซื้อวันแรก 2 รายการ อย่างไรก็ตามรายการขาดทุนนี้ยังไม่เกิดขึ้น กระแสเงินสดบริษัทไม่ได้เสียออกไป ดังนั้นแม้ว่ากองทุนฯจะไม่จ่ายปันผลแต่อาจใช้วิธีลดทุนเพื่อนำมาคืนให้ผู้ถือหน่วย แต่ยังไม่ทราบว่าจะจ่ายในอัตราเดียวกับที่จ่ายเงินปันผลในงวด 1Q58 ได้หรือไม่

ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิมซื้อ แม้ปรับประมาณการลงมาก แต่อัตราการเติบโตของกำไรเทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในเกณฑ์สูง ราคาพื้นฐานใหม่ประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 20 เท่า มีส่วนเพิ่มไม่มากคือ 9% สำหรับ PEG ปี 58 ยังต่ำเป็นเพียง 0.2 เท่า และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 59 คาดว่าเป็น 0.4 เท่า ด้านมุมมอง P/E ปี 58 และ 59 เป็น 18.4 และ 13.7 เท่า ตามลำดับ และหากเปรียบเทียบราคาพื้นฐานกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของบริษัทซึ่งเราประเมินไว้ที่ 4.91 บาทก็จะเป็นส่วนลดอยู่ 17%

Back to top button