บลจ.ไทยพาณิชย์ออกกองทริกเกอร์เป้า 6% ใน 7 เดือน ขาย 6-11 ส.ค.

นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน บริษัทฯ จึงได้เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์อีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ จี (SCBTG3P3G) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 6 –11 สิงหาคม 2558 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 2 ครั้งๆละ 3% ภายในระยะเวลา 7 เดือน


นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน บริษัทฯ จึงได้เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์อีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ จี (SCBTG3P3G) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 6 –11 สิงหาคม 2558 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 2 ครั้งๆละ 3% ภายในระยะเวลา 7 เดือน

ทั้งนี้กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ จี (SCBTG3P3G) มีนโยบายการบริหารกองทุนเชิงรุก โดยกระจายลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายกระตุ้นต่างๆจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งจะทยอยเข้าลงทุนโดยการดูจังหวะของตลาดเป็นสำคัญ ทั้งนี้กองทุนมีความยืดหยุ่น ไม่มีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน และสามารถใช้ตราสารอนุพันธุ์ (Derivatives)เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน

นายสมิทธ์ กล่าวว่า ดัชนีในระดับปัจจุบันค่อนข้างสะท้อนปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ รวมถึงความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้แก่ ความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาครั้งแรกภายในปีนี้ และภาวะเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม มุมมองแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยสำหรับช่วง 6-12เดือนข้างหน้าคาดว่าดัชนีจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีโดยคาดว่าภาคการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 ขณะที่การท่องเที่ยวคาดว่าจะเติบโตได้ดีในไตรมาสที่ 4 และแรงซื้อของ LTF และ ที่มักจะเข้ามาหนุนตลาดในช่วงปลายปีถึงแม้ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เลื่อนออกไปเป็นปลายปี 2558 – ต้นปี 2559 ส่วนปัจจัยหนุนในระยะสั้นได้แก่การออก 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจใหม่ที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป

 

Back to top button