ครึ่งบ่ายไม้สั้น – บล.คันทรี่กรุ๊ป

บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้


สรุปตลาดภาคเช้า

ตลาดภาคเช้าปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย ในทิศทางเดียวกันกับตลาดรอบบ้าน โดยภาพรวมของตลาดเช้าไม่มีกลุ่มใดโดดเด่นยังสลับบวกสลับลบ ซึ่งหุ้นกลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง ประกอยกับมีความกังวลต่อการพิจารณาการขึ้นดอกเบี้ยของ FED หากตลาดแรงงานสหรัฐฟื้นตัว ปิดตลาดภาคเช้าดัชนีเปลี่ยนแปลง -1.21 จุด มาที่ระดับ 1,435.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท

แนวโน้ม ภาคบ่าย

มองดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ จากภาวะตลาดที่มีปัจจัยบวกจำกัด หลังการหั่นเป้าส่งออกของกระทรวงภาณิชย์ ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลออก แนะนำเลือกหุ้นที่มี Dividend yield สูงจะช่วยลดความเสี่ยงจากการปรับตัวลงตามกรอบ Side way โดยแนะนำทยอยสะสม SIRI และ LH จากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ระดับสูงกว่า 7%

วิเคราะห์ทางเทคนิค

CEN   ราคาปิด 3.92 บาท

แนวรับ 3.90 บาท           แนวต้าน  4.08 บาท

แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 3.84 บาท

กราฟ CEN กำลังสร้างรูปแบบ Head&Shoulder  โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ยังคงหนาแน่นดี และมีสัญญาณซื้อในเครื่องมือระยะสั้น  หากราคาสามารถผ่าน 4.08 บาทจะยืนยันการเกิดหัวและไหล่ และมีโอกาสขึ้นได้แรง แนะนำซื้อเก็งกำไร 

 

NCH   ราคาปิด 1.82 บาท

แนวรับ 1.81 บาท           แนวต้าน  1.95 บาท

แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 1.78 บาท

กราฟ NCH กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง  หลังจากตกต่ำในช่วงเดือนที่ผ่านมา  การไต่ระดับในช่วง สัปดาห์ ทำให้เกิดสัญญาณซื้อในเครื่องมือระยะสั้น ทำให้คาดการณ์แนวโน้มราคาปรับขึ้นเป็นแนว U-shape เหมาะสำหรับการเก็งกำไร  จึงแนะนำซื้อเล่นสั้น 

 

เด็กแนว

PPP  เป็นผู้จำหน่ายถังบำบัดน้ำเสียในงานก่อสร้าง ใช้ได้ทั้งในบ้านและโรงงานอุตสาหกรรม ถังสำรองน้ำ  ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ  จากภาวะน้ำแล้งในประเทศ  จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทตู้แช่ต่างๆ และที่สำคัญคือมีการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 15MW ถือผ่านบริษัทลูก 75% Infinite Green ที่คาดหมายว่าเตรียมนำเข้าตลาด และยังมีอีก 1 บริษัทลูกศึกษาไฟฟ้าพลังลม  ซึ่งอนาคตมีโอกาสสดใสได้   สำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 15 MW นี้มีอยู่ด้วยกัน 3 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ให้แก่บริษัทราว 20%    ด้านกำไรปี 57 อยู่ที่ 162 ล้านบาท คาดหมายในปี 58 เติบโต conservative ไว้ก่อนราว 15% เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง  เบื้องต้นคาดกำไรปีนี้ราว 168 ล้านบาท หรือมี EPS ที่ 0.65 บาท  เท่ากับว่าบริษัทมีค่า PE เพียง10 เท่า หากนับบริษัทที่มีโรงไฟฟ้าขนาดเดียวกันคือ EPCO ที่มีค่า PE สูง 18 เท่าแล้ว หมายความว่า PPP มีราคาหุ้นถูกกว่ากันเยอะเลย

หากดูความเห็นโบรกเกอร์ทจะให้เป้ากับเฉียด 10 บาท ซึ่งเด็กแนวมาประเมินจากกำไรที่บอกไปข้างต้นหากให้ค่า PE ที่ 15 เท่าจะได้ราคาเหมาะสม 9.75 บาท ถือว่าสูงกว่าราคากระดานมาก และกราฟที่ลงต่ำแบบนี้  ทรงกำลังไต่ระดับเป็น V-shape ด้วยแล้ว follow buy ได้เลย เพราะสัญญาณให้ ราคาเป้าหมายสูง  ต้องใส่กันล่ะ

Back to top button