เสือกลายเป็นแมว.!?

สำนักข่าวรัชดา

ครั้งหนึ่งยังจำได้ไหม.?.“ประเทศไทย” เคยประกาศกร้าวว่าจะเป็น “เสือตัวที่ 5” แห่งเอเชีย ยุคสมัยรัฐบาล “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” ที่มีนโยบายเศรษฐกิจว่าด้วย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” และถึงขั้นบรรจุไว้ในตำราเรียนและท่องว่า “ไทยเป็นเสือตัวที่ 5” ชนิดจำจนขึ้นใจกันเลย..!?

แต่ทว่า..ดั๊นเกิดรัฐประหารโดยคณะรสช. ก่อนนำไปสู่ “พฤษภาทมิฬ” ปี 2535 และซ้ำเติมด้วย “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ปี 2540 ทำให้ภาพจินตนาการ “เสือตัวที่ 5” เลือนรางจางไปทันที แม้จะมีประกายความหวังในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่สุดท้ายเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร..จึงสิ้นหวังกันไป

จากวันนั้น..มาถึงวันนี้เกือบ 30 ปี อย่าว่าแต่ไทยจะเป็นเสือเลย..แค่เป็นแมวก็เหนื่อยแล้ว

ส่งที่บ่งชี้ความเป็น “แมวขี้โรค” จากวิกฤติโควิด-19 เมื่อธนาคารโลก (World Bank) ออกรายงานเรื่อง “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ช่วงโควิด-19” มีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ ภูมิภาคอาเซียน กรณีดีสุดและกรณีแย่สุด เริ่มไล่เรียงตั้งแต่เวียดนาม กรณีดีสุดเติบโต 4.9% แย่สุดเติบโต 1.5% สปป.ลาว กรณีดีสุดเติบโต 3.6% แย่สุดเติบโต 2.2%

สหภาพเมียนมา กรณีดีสุดเติบโต 3.0% แย่สุดเติบโต 2.0% ฟิลิปปินส์ กรณีดีสุดเติบโต 3.0% แย่สุดติดลบ 0.5% กัมพูชา กรณีดีสุดเติบโต 2.5% แย่สุดเติบโต 1.0% อินโดนีเซีย กรณีดีสุดเติบโต 2.1% แย่สุดติดลบ 3.5% มาเลเซีย กรณีดีสุดติดลบ 0.1% แย่สุดติดลบ 4.6%

ส่วน “ประเทศไทย” นะหรือรั้งท้าย กรณีดีสุดติดลบ 3.0% แย่สุดติดลบ 5.0% เอาเป็นไม่ว่าดีหรือร้ายเศรษฐกิจไทยติดลบแน่นอน ขนาดธปท.ยังยืนตรงรับสภาพเลยว่าปีนี้จะติดลบ 5.3%

โอ้ว..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแม้อาเซียนด้วยกันเอง..ยังรั้งท้ายเลยเชียวรึ..!?

“ธนาคารโลก” ระบุชัดว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้มากสุด นั่นคือ ประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก การก่อหนี้สูง รวมถึงพึ่งพิงการไหลเวียนของเงินจากต่างประเทศ..!!

สะท้อนให้เห็นว่า “เศรษฐกิจไทยเปราะบาง” อย่างยิ่งทั้งส่งออกวูบ ท่องเที่ยวหาย.! ไม่มีโควิด..ก็วิกฤติอยู่แล้ว เมื่อมาเจอโควิด ยิ่งวิกฤติขึ้นไปใหญ่…

จงลืมคำว่า “เสือ” กันไปได้เลย..แล้วมาลุ้นกันว่า “แมวขี้โรค” ตัวนี้..จะรอดหรือไม่..!

…อิ อิ อิ…