พาราสาวะถี
หากไม่มีสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ สัปดาห์นี้ทั่วประเทศไทยจะคึกคัก ทุกจังหวัดจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ กลายเป็นว่าเทศกาลสาดน้ำปีนี้ถูกเจ้าไวรัสร้ายทำให้ยุติไปโดยปริยาย ไม่ใช่แค่รัฐบาลประกาศยกเลิกวันหยุด แต่หน่วยราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ต่างก็พากันสั่งให้งดกิจกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งใครจะมายืนสาดน้ำคนอื่นหน้าบ้านตัวเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ใครอยากลองของรับรองได้ติดคุกแบบไม่รอลงอาญาเป็นแน่
อรชุน
หากไม่มีสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ สัปดาห์นี้ทั่วประเทศไทยจะคึกคัก ทุกจังหวัดจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ กลายเป็นว่าเทศกาลสาดน้ำปีนี้ถูกเจ้าไวรัสร้ายทำให้ยุติไปโดยปริยาย ไม่ใช่แค่รัฐบาลประกาศยกเลิกวันหยุด แต่หน่วยราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ต่างก็พากันสั่งให้งดกิจกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งใครจะมายืนสาดน้ำคนอื่นหน้าบ้านตัวเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ใครอยากลองของรับรองได้ติดคุกแบบไม่รอลงอาญาเป็นแน่
หรือแม้แต่การจะรดน้ำขอพรกับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ภายในครอบครัว ทางการก็ขอร้องว่าให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร เพื่อที่จะได้ไม่มีใครเป็นฝ่ายแพร่และรับเชื้อ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า นาทีนี้ถึงจะไม่ได้ประกาศว่าไทยอยู่ในภาวการณ์แพร่ระบาดระยะที่ 3 หรือ Super Spreader ทว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการผ่านศบค. มันสะท้อนชัดว่าเราอยู่ในช่วงเวลาของการระบาดเป็นวงกว้างกันแล้ว เพราะถ้อยแถลงของ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ที่ย้ำทุกวัน ติดกันในบ้านและครอบครัวเริ่มมากขึ้นคือการยืนยัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องต้องตื่นตระหนก ตั้งแต่เหตุการณ์ที่สนามมวยลุมพินีครั้งนั้น ก็มีการคาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่า มันจะต้องมาถึงวันนี้ เพียงแต่ว่าการที่จะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากเหมือนคราวนั้นมันจะน้อยลง เพราะผู้รับเชื้อก่อนหน้าได้ผ่านกระบวนการสอบสวนโรคแล้วนำเข้าสู่ระบบการกักตัว จนเกินช่วงระยะเวลาของการแพร่เชื้อไปแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือผู้ที่ได้ไปสัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้าโดยไม่รู้ตัวแล้วก็ไปแพร่เชื้อกับคนใกล้ชิด
อีกส่วนก็เกิดจากคนที่กลับมาจากต่างประเทศก่อนหน้า โดยแยกเป็นส่วนของชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีการกักตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งจำนวนนี้ถ้ามีผู้ติดเชื้อก็ไม่รู้ว่ามีจำนวนกี่มากน้อย ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปแพร่ต่อกับคนไทยที่ได้สัมผัสใกล้ชิด ส่วนอีกพวกก็เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาแล้วไม่ยอมเข้าสู่ระบบการกักตัวของรัฐบาลหรือไม่ยอมกักตัวเองจึงเป็นพาหะนำเชื้อมาติดคนที่บ้านและมีโอกาสจะแพร่เชื้อต่อได้เหมือนกัน ส่วนจำนวนจะเป็นเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับระบบคัดกรองที่ภาครัฐได้วางเครือข่ายให้ไปสแกนกันทั่วประเทศ
ด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมา ไม่ใช่เฉพาะมือไม้ของภาครัฐเท่านั้น หากแต่ความตื่นตัวของภาคเอกชนและประชาชน เรื่องการเฝ้าระวังตัวเองจากสิ่งที่ภาครัฐรณรงค์กันมาก่อนหน้านั้นทำกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ประกอบกับบรรดาร้านรวงรวมไปถึงตลาดสดทั้งหลายทั่วประเทศ ต่างก็จัดระบบ วางระเบียบในการตรวจสอบ คัดกรองกันอย่างเข้มข้นอยู่ไม่น้อย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้การป้องกันและลดการแพร่ระบาดเป็นไปได้ด้วยดีในระดับหนึ่ง
ขณะที่มาตรการของภาครัฐอย่างการประกาศเคอร์ฟิวและการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารระดับท้องถิ่น ประกาศแนวทางและมาตรการที่เข้มข้นตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ก็เป็นส่วนเสริมที่ทำให้การดูแล แก้ไขปัญหาโควิด-19 ของประเทศไทย ยังอยู่ในระดับที่ได้รับเสียงชื่นชมจากองค์กรด้านสาธารณสุขและสุขภาพในต่างประเทศอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ทำกันอยู่เวลานี้จะการ์ดตกไม่ได้
เนื่องจากเป็นการทำสงครามกับสิ่งที่มองไม่เห็น และไม่รู้ว่าปลายทางจะจบลงเมื่อไหร่และอย่างไร ดังนั้น เรื่องความเข้มข้นของมาตรการจึงเชื่อได้ว่า จะยังไม่มีการลดระดับลงในห้วงระยะเวลาอันใกล้นี้ มีแต่จะยกระดับหากพบว่า ประชาชนบางกลุ่มบางพวกยังคงไม่ให้ความร่วมมือ ยึดถือความสะดวกสบายส่วนตัวหรือไม่ทิ้งนิสัยเดิม ก็จะเป็นหนทางที่ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อนได้รับผลกระทบตามไปด้วย เหมือนอย่างที่ท่านผู้นำประกาศผ่านทีวีพูล พวกขาดจิตสำนึกทำให้คนหาเช้ากินค่ำต้องเดือดร้อนตามไปด้วย
มาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แต่ละพื้นที่กำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันไปนั้น เป้าหมายเพื่อหวังจะลดการสุมหัว รวมตัวกันของพวกนักดื่มหรือเหล่าคนที่ยังคึกคะนองในช่วงสงกรานต์นี้ ถ้าย้อนไปดูข่าวโดยเฉพาะในพื้นที่กทม. หนึ่งวันก่อนที่ประกาศจะมีผลบังคับใช้กับภาพที่มีคนแห่แหนไปซื้อเหล้าและน้ำเมากันจนเกลี้ยงจุดขายนั้น เป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่า สิ่งที่ทำกันไปนั้น มันจะได้ผลมากขนาดไหน ภาพที่เกิดสะท้อนได้ว่า คนเหล่านี้หาได้สนใจในสิ่งที่ภาครัฐต้องการไม่
ไม่เถียงกรณีที่บางรายอาจจะเข้าข่ายพวกแอลกอฮอล์ลิซึ่มขาดมันไม่ได้ ต้องไปซื้อหามาตุนกันไว้ แล้วพวกที่ไปกว้านซื้อไว้เพื่อจะได้จัดสังสรรค์กันในช่วงเทศกาลหรือวันอื่น ๆ ก็ตาม เช่นนี้แล้วถามว่าภาครัฐจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร อย่าได้อ้างเรื่องกำลังเจ้าหน้าที่ เพราะหากจะเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาการมั่วสุม สุมหัวก็ต้องลงทุนลงแรงกันหน่อย บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เด็ดขาด และไม่จำเป็นต้องสนใจว่าการรวมตัวกันของคนเหล่านั้นจะเกิดในพื้นที่สาธารณะหรือที่ส่วนบุคคลก็ตาม
ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับที่ 1 ซึ่งประกาศใช้ก็ระบุไว้แล้วว่า ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย กรณีการสุมหัวก๊งน้ำเมา ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ณ ที่ใด ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคเช่นนี้ ก็น่าที่จะสามารถบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวนี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดเชื่อว่าหากผู้นำชุมชนพร้อมลูกบ้านช่วยกันตรวจตรา แล้วใช้มาตรการทางสังคมบังคับ พฤติกรรมหรือการกระทำแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
อย่าได้ลืมเป็นอันขาด นอกจากเดิมพันที่ว่าด้วยการลดการแพร่ระบาดและจะต้องควบคุมสถานการณ์ให้จบได้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและการดำเนินชีวิตของประชาชนแล้ว ยังมีประเด็นว่าด้วยความเชื่อมั่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเม็ดเงินที่รัฐบาลจะต้องนำมาใช้เพื่อการเยียวยาและแก้ไขปัญหาทั้งหมด ยิ่งเนิ่นช้าออกไปมากเท่าไหร่มันไม่ได้สั่นคลอนแค่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนเท่านั้น หากแต่มันหมายถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย