TOP วิ่งแรง 6% โบรกฯ ชี้ราคาผ่านจุดต่ำสุด-ผลงานฟื้นช่วง Q2
TOP วิ่งแรง 6% โบรกฯ ชี้ราคาผ่านจุดต่ำสุด-ผลงานฟื้นช่วง Q2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ล่าสุด ณ เวลา 10.17 น. อยู่ที่ระดับ 37 บาท ปรับตัวขึ้น 2 บาท หรือ 5.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 487.29 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำ “ซื้อ” TOP ราคาเป้าหมาย 48 บาท/หุ้น โดยคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิในช่วงไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 1.57 หมื่นล้านบาท พลิกจากกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/62 และกำไรสุทธิที่ 1.98 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/62 โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบารมาจาก
1) การรับรู้ Stock loss (รวม NRV) ที่มากถึง 1.3 หมื่นล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง
2) การรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.45 พันล้านบาท ตามทิศทางของค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
3) การดำเนินงานปกติ ได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่น และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง โดยเราคาดว่าบริษัทจะมี Market GIM อยู่ที่ 2.6 เหรียญต่อบาร์เรล โดย Margin ของกลุ่มธุรกิจหลัก เราคาดว่าบริษัทจะมีค่าการกลั่นไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 0.5 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลงจาก 3.0 และ 2.7 เหรียญต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 1/62 และไตรมาส 4/62
โดยมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 111% ด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ บริษัทมี Margin อยู่ที่ 1.6 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 4/62 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ โดยในช่วงไตรมาส 1/63 บริษัทมีส่วนต่างพาราไซลีนและเบนซีนเพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อนและ 278% จากไตรมาสก่อนเป็นผลมาจากต้นทุนผลิต (ULG95) ที่ลดลง โดยบริษัทมีอัตราผลิตอยู่ที่ 80%
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/63 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563 โดยไตรมาส 2/63 คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีการรับรู้ Stock Loss มากเหมือน ไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา และการกลับรายการ NRV ด้านธุรกิจโรงกลั่น
ทั้งนี้คาดหมายจะเห็นการฟื้นตัวของค่าการกลั่น จาก Crude Premium ที่ลดลง โดยปัจจุบัน Crude Premium (Arab Light) เฉลี่ยไตรมาส 2/63 อยู่ที่ -5.2 เหรียญต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาส 1/63 ที่ 3.43 เหรียญต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม Demand ในประเทศที่ปรับลดลง จากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ของภาครัฐฯ กระทบ Demand การใช้น้ำมันในประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบินจากการประกาศหยุดบินของสายการบินในประเทศ ทำให้บริษัทมีแผนลดกำลังผลิตในช่วงไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 90% – 95%
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดผลประกอบการปี 2563 เหลือ 3.3 พันล้านบาท ลดลง 47% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยคาดว่าบริษัทจะมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 95% จาก Demand ในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันอากาศยาน เราให้สมมติฐานค่าการกลั่น Market GRM และ Market GIM อยู่ที่ 2.2 และ 4.5 เหรียญต่อบาร์เรล โดยคาดว่าสถานการณ์ Covid-19 จะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63
ขณะที่มองว่าราคาหุ้น TOP ที่ปรับลดลงกว่า 48% ในรอบ 3 เดือน สะท้อนความกังวลต่อภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/63 ไตรมาส 1/63 ที่ได้รับกระทบจากราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่นที่ลดลง ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนระยะสั้นมาจากการประกาศปรับลดราคาส่งออกน้ำมันของซาอุฯ ครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้โรงกลั่นในประเทศมีต้นทุนกลั่นที่ลดลง เราปรับลดราคาเป้าหมายให้สอดคล้องกับประมาณการผลประกอบการใหม่ โดยราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 48 บาท (ประเมินจาก EV/EBITDA) โดยราคาเป้าหมายใหม่เทียบเท่ากับ PBV 0.8 เท่า