BAFS คาดยอดเติมน้ำมันหด 40% หลังรัฐสั่งยืดเวลาห้ามบินเข้าไทย

BAFS คาดยอดเติมน้ำมันหด 40% หลังรัฐสั่งยืดเวลาห้ามบินเข้าไทย


นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการสั่งปิดสนามบินบางแห่งในประเทศ

รวมถึงการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ล่าสุดขณะนี้บริษัทประเมินปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้เบื้องต้นจะลดลงไม่ต่ำกว่า 40% จากเดิมที่คาดว่าจะลดลงราว 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีปริมาณการเติมน้ำมันที่ระดับ 6,139 ล้านลิตร

สำหรับภาพรวมของทิศทางผลประกอบการของบริษัทในปี 63 จะสามารถประเมินได้ชัดเจนมากขึ้นหลังจากผ่านช่วงกลางเดือน พ.ค. ไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะยังมีประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศเตรียมเดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ บริษัทได้เน้นการดูแลพนักงาน ด้วยการดูแลความสะอาดให้อุปกรณ์ป้องกัน และให้พนักงานบางส่วนทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อที่จะลดความแออัดในสถานที่ทำงาน ขณะเดียวกันยังเน้นบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะรักษาภาพรวมผลประกอบการไม่ให้ได้รับผลกระทบไปมากนัก

อนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศระงับบริการสนามบินภูเก็ตตั้งแต่ 10-30 เม.ย.63  รวมถึงห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวถึงสิ้นเดือน เม.ย.63 ขณะที่สายการบินต่าง ๆ ส่วนใหญ่หยุดทำการบินชั่วคราวทั้งเส้นทางบินในและต่างประเทศในช่วงเดือน เม.ย.นี้เช่นกัน

ส่วนการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัท ทั้งบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% ปัจจุบันยังคงเดินหน้าเจรจาเข้าซื้อกิจการ และร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า และเป็นโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อที่จะรับรู้รายได้เข้ามาทันที คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้บ้าง หากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ไม่กระทบการเดินทางเพื่อตรวจสอบโครงการ

ด้านบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75% นั้น ขณะนี้การก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน เฟส 2 จังหวัดพิจิตร-จังหวัดลำปาง ยังคงดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 63 ก่อนที่จะเปิดให้บริการในปี 64 และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 65 ซึ่งจะส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็น 30% จากปีนี้ 20%

Back to top button