พาราสาวะถี
ผ่านพ้นกันไปแบบงง ๆ และเงียบเหงากับบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ที่ไม่ใช่วันหยุด โดยภาพรวมถือว่าคนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับมาตรการของภาครัฐเป็นอย่างดี ต่อการงดกิจกรรมอันจะเป็นต้นตอนำไปสู่การแพร่และรับเชื้อโควิด-19 ปีหน้าถ้าสถานการณ์ปกติค่อยมาว่ากันใหม่ ส่วนวันหยุดที่แปะโป้งกันไว้ ก็อยู่ที่รัฐบาลว่าจะพิจารณาให้ไปหยุดกันช่วงไหน แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ซึ่งก็ต้องอยู่ในกรอบภายในปีนี้ ไม่มีโยกไปหยุดข้ามปีแน่นอน
อรชุน
ผ่านพ้นกันไปแบบงง ๆ และเงียบเหงากับบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ที่ไม่ใช่วันหยุด โดยภาพรวมถือว่าคนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับมาตรการของภาครัฐเป็นอย่างดี ต่อการงดกิจกรรมอันจะเป็นต้นตอนำไปสู่การแพร่และรับเชื้อโควิด-19 ปีหน้าถ้าสถานการณ์ปกติค่อยมาว่ากันใหม่ ส่วนวันหยุดที่แปะโป้งกันไว้ ก็อยู่ที่รัฐบาลว่าจะพิจารณาให้ไปหยุดกันช่วงไหน แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ซึ่งก็ต้องอยู่ในกรอบภายในปีนี้ ไม่มีโยกไปหยุดข้ามปีแน่นอน
ส่วนนักเสี่ยงโชคคอหวยทั้งหลายก็รอแหง็กกันต่อไป เมื่อคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือบอร์ดกองสลากมีมติให้เลื่อนการออกสลากงวดวันที่ 1 เมษายน 2563 จากเดิมจะออกกัน 2 พฤษภาคมนี้ ไปเป็นวันที่ 16 พฤษภาคม แน่นอนว่า ด้วยเหตุผลของโควิด-19 ที่ทำให้คนซื้อหาย คนขายขายไม่ได้ จึงกลายเป็นว่างานนี้มีการงดขายสลากกันไปถึง 3 งวดคือ 16 เมษายน 2 พฤษภาคมและ16 พฤษภาคม คงต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์กันกระมัง
สถานการณ์การแพร่ระบาดประเมินจากตัวเลขที่แถลงผ่านศบค.รายวัน ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ กับตัวเลขสองหลัก ซึ่งยังไม่ขยับไปใกล้เกินวันละครึ่งร้อย แต่ทั้งหมดอย่างที่ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.ย้ำมาโดยตลอด ตัวเลขที่ปรากฎในวันนี้คือจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันที่เป็นผลมาจากการดำเนินการมาตรการของรัฐและความร่วมมือของภาคประชาชนและทุกภาคส่วน เมื่อ 7 วันที่แล้ว ส่วนที่ทำกันอยู่ ณ วันนี้จะไปปรากฎผลอีก 7 วันข้างหน้า
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือที่ทำกันดีแล้วก็ต้องทำกันต่อไป “การ์ดอย่าตก” ซึ่งถ้าวัดจากความรู้สึกของคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากจำนวนรถบนท้องถนนที่เห็นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่านี่เป็นการเริ่มผ่อนคลายของประชาชน และบรรดาบริษัท ห้าง ร้านต่าง ๆ ที่เริ่มจะขยับดำเนินกิจกรรมกันอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าตัวเลขการระบาดนั้นเริ่มลดลง กรณีนี้คงห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกย่างก้าวที่ขยับ ต้องเดินกันบนความไม่ประมาท ต้องป้องกันกันอย่างเข้มงวด จริงจัง
จะเห็นได้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงเทพฯ นั้นยังคงเกิดขึ้นทุกวัน ขณะที่ตัวเลขสะสมก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อย นั่นย่อมเป็นเครื่องเตือนสติของคนที่ออกจากบ้านไปทำกิจกรรมทุกชนิดว่า ต้องดำเนินชีวิตตามที่ภาครัฐได้ให้คำแนะนำ ไม่จำเป็นต้องบอกกันแล้วว่ามีอะไรบ้าง วันนี้เชื่อได้เลยว่าแทบทุกคนได้ปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรจนเคยชินแล้ว หากต้องการให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อหายไป ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันอย่างแข็งขันต่อไป อย่าได้การ์ดตกเป็นอันขาด
มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบว่าด้วยเงินเยียวยา 5 พันบาท ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองก็รอรับเงินกันต่อไป ส่วนรายที่ไม่ผ่านซึ่งมีจำนวนมาก ก็ต้องรอไปกดปุ่มอุทธรณ์ผ่านระบบออนไลน์ที่ฟังคำชี้แจงมาจากกระทรวงการคลังก็คือ อย่างช้าไม่น่าจะเกินวันที่ 21 เมษายนนี้ แต่หนนี้ไม่ใช่แค่ตรวจสอบกันผ่านเอไอเพียงอย่างเดียวแล้ว ทว่าจะจับมือกับกระทรวงมหาดไทยส่งเครือข่ายที่มีไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในแง่ของตัวบุคคลกันเลยทีเดียว ความจริงมันก็ควรจะทำเช่นนั้นตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ
ชัดเจนว่า ท่านผู้นำมองเห็นแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้ ล่าสุด จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องอีก 9 กระทรวง รวมถึงผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อให้การจัดทำมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
อย่างที่บอกมาตลอดว่า ก่อนที่จะเคาะเม็ดเงินและเดินหน้าแจกนั้น ควรที่จะต้องมีการวางกฎ ระเบียบ คลอดกติกา ทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อป้องกันการโวยของผู้ที่พลาดหวังซึ่งมีอยู่จำนวนมาก การออกมาอธิบายในภายหลังมันก็คือการแก้ตัวที่ไม่มีใครรับฟังเท่านั้นเอง ถ้าทำแบบนี้เสียตั้งแต่ต้นก็คงไม่ต้องมานั่งตอบคำถามว่าเงินที่แจกไปนั้นประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทั่วถึง เป็นธรรมหรือไม่
การที่อ้างว่าต้องทำอย่างรวดเร็วเพราะประชาชนได้รับผลกระทบกันมากนั้นมันแค่ฟังให้ดูดี ดูเท่เท่านั้น ถ้าทำเร็วแล้วมันมีปัญหา ทั้งเสียหายและเสียหน้า คงไม่ต้องถามว่าคุ้มกันหรือไม่ กรณีผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้นมันต่างจากการดำเนินมาตรการชิมช้อปใช้อย่างสิ้นเชิง ครั้งนั้น มันเป็นการมอบความสุขให้กับคนที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่รอบนี้มันเล่นกับความรู้สึกและดำเนินการบนความเดือดร้อนของคนทุกหย่อมหญ้า วิธีการและการบริหารจัดการย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ดูเหมือนว่าท่านผู้นำจะกังวลใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องกระตุกกันไม่น่าจะใช่เสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจบอกว่าให้ฟังเหตุฟังผล พร้อมกับยกเหตุผลว่า มันยากแค่ไหน มันเสี่ยงอันตรายแค่ไหนในการใช้จ่ายงบประมาณเหล่านี้ ที่จะต้องไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ซึ่งฝ่ายค้านนั้นรู้และเข้าใจดี จึงจะได้เห็นข้อเสนอที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและหวังดีต่อรัฐบาลและประชาชน
หากแต่เป็นคนของพรรคร่วมรัฐบาลกันเองหรือเปล่าที่จับคู่ทะเลาะกัน สร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน ที่เห็นอยู่เวลานี้ก็เป็น ธนกร วังบุญคงชนะ กับ เทพไท เสนพงศ์ กับปมเสียงวิจารณ์เรื่องแจกเงิน 5 พันบาทนั่นแหละ ฝ่ายหนึ่งในฐานะเลขานุการรัฐมนตรีคลังย่อมปกป้องผลงานของเจ้านายตัวเองเต็มที่ ขณะที่อีกด้านก็เสนอในมุมผู้แทนประชาชนที่เห็นว่า น่าจะมีข้อผิดพลาด จนทำให้คนจำนวนไม่น้อยถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม
ดังนั้น สิ่งที่ท่านผู้นำบอกว่าพรรคร่วมรัฐบาลให้หยุดทำการเมืองไปก่อน วันนี้เป็นเรื่องของการบ้าน การบริหารราชการแผ่นดินที่ต้องดูแลประชาชน เป็นสิ่งที่คงไม่มีใครเถียงหรือตำหนิท่านผู้นำแน่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหากฟังกันด้วยเหตุและผลจริง การสะท้อนของพวกเดียวกันก็เพราะเข้าใจหัวอกคนจน คนที่เดือดร้อนเนื่องจากตัวเองเป็นส.ส.สัมผัสกับประชาชนโดยตรง การชี้ให้เห็นว่าโครงการเราไม่ทิ้งกันมีจุดอ่อนจึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้รัฐบาลรับรู้อยู่ที่ว่าจะยอมรับความจริงหรือไม่ เพราะความจริงวันนี้มีคนถูกทิ้งไปหลายล้านคนแล้ว