คุยกับ 2 (เซียน) นักวิเคราะห์

วานนี้มีโอกาสพูดคุยกับนักวิเคราะห์รุ่นเก๋า 2 คน


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

วานนี้มีโอกาสพูดคุยกับนักวิเคราะห์รุ่นเก๋า 2 คน

คือ “เฮียเทิด” เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

และ “พี่ต้น” เผดิมภพ สงเคราะห์

นักวิเคราะห์ 2 คนนี้ ต้องยอมรับว่า อยู่กับสนามเทรดหุ้นของประเทศไทยมานานมาก

ผ่านมาหลายสมรภูมิ หลายวิกฤติ

เลยอยากจะฟังมุมมองของ 2 เซียนนี้ว่า เขามองตลาดหุ้นอย่างไร

ท่ามกลางปัญหาโควิด-19

เริ่มจากเฮียเทิดที่เขามองว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2563 เป็นปัจจัยที่นักลงทุนทุกคนพอจะทราบอยู่แล้ว

ทราบที่ว่านี้ คือ “จะเห็นการชะลอตัว”

ทว่า ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าออกมาแล้วจะชะลอมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้หรือไม่

หากออกมาแล้วลดลงไม่เกิน 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YOY)

หรือถ้ามองฐานกำไรรวมที่ ASP ทำทั้งปีอยู่ที่ 7.8 แสนล้านบาท นำมาหารด้วย 4

ก็จะอยู่ที่ใกล้ ๆ 2 แสนล้านบาท

แน่นอนว่า น่าจะ “ไม่ตอบสนองในเชิงลบ”

ขณะเดียวกันถ้าน้อยกว่าที่คาดการณ์เยอะ ๆ

นั่นจะทำให้เกิดความกังวล จนทำให้ตลาด “ตอบสนองในเชิงลบ”

ประเด็นที่ตอนนี้นักลงทุนจับตามากเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ส่วนตัวเฮียเทิดนั้น มองว่าจากตรงนี้ไป แรงขับเคลื่อนจะมาจากเซนติเมนต์ คือถ้าดูภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง

หรือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นั้น

เป็นอะไรที่ค่อนข้างหนักหนาอยู่แล้ว

ดังนั้น หากเกิดความคาดหวังเชิงบวก แรงขับเคลื่อนตลาดก็จะมาจากจุดนี้ได้

แรงบวกที่สามารถขับเคลื่อนตลาดได้ คือ การผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เช่น หากถึงสิ้นเดือนเม.ย. แล้ว ไม่มีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มนิ่ง หรือเริ่มลดลงเรื่อย ๆ

ก็จะเป็นภาพที่ทำให้เกิดความคาดหมาย “เชิงบวก” ได้

แต่หากตรงข้ามก็จะกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง….

เขาเชื่อว่าหากประเด็นเรื่องไวรัสโควิด-19 หมดไป ตลาดหุ้นจะขยับขึ้นได้อีก

ซึ่งสเต็ปแรกขยับขึ้นบนความคาดหวังตรงนี้

รวมถึงจะมีเม็ดเงินจาก “สถาบันในประเทศ” เข้ามาหนุน ที่จะเป็นสเต็ปต่อไป

หรือหากจะขึ้นมากกว่านี้ ก็ต้องอาศัยเม็ดเงินจาก “พี่หรั่ง” หรือนักลงทุนต่างชาติ

แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็น

ส่วน “หุ้นปลอดภัย” ในตอนนี้ นักวิเคราะห์ต่างเลือกหุ้นที่มี “ดิวิเดนด์ยีลด์สูง ๆ” ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองที่ดี

ส่วนจากนี้ไปธีมการลงทุนจะถูกอัปเดตตามสถานการณ์ เช่น ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ก็พยายามหาหุ้นที่ราคาปรับลดลงมาแรง ๆ แต่พื้นฐานไม่ได้กระทบมากนัก และเวลารีบาวด์จะรีบาวด์ได้แรง

ขณะที่วันนี้ (15 เม.ย.) อาจจะเริ่มเห็นความคาดหวังเชิงบวก จากผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ

ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะโฟกัสไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การค้ามากขึ้น

หากนักลงทุนที่ต้องการเน้นถือยาว ก็จะโฟกัสไปที่หุ้นดิวิเดนด์เป็นหลัก

ในสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยากเช่นนี้ การลงทุนในหุ้น หรือแม้แต่คำแนะนำของนักวิเคราะห์ก็จะปรับเปลี่ยนไปแบบนี้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เฮียเทิด กล่าวทิ้งท้ายไว้

มาถึงพี่ต้น เผดิมภพ กันบ้าง

เขามองว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ หรือช่วงนี้น่าจะยังพอไปได้

จากประเด็นเรื่องมาตรการที่นำมาใช้คุมโควิด-19 อาจจะเริ่มมีการผ่อนปรนนั่นแหละ

พร้อมกับยกตัวอย่างที่ สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป ที่จะเริ่มผ่อนปรนเช่นกัน

ส่วนประเด็นเรื่องกองทุน IMF ที่ลดคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก นี่คือสิ่งที่นักลงทุนรับรู้กันไปหมดแล้ว

สิ่งที่เขาเตือนให้ต้องระวังคือ

ดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก อาจจะมีการซื้อเพื่อเก็งกำไรกันไว้แล้ว (และมีหลายตัวที่เก็งกำไรหุ้นขึ้น XD)

ฉะนั้น หากมีมาตรการผ่อนคลายออกมา

ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ดัชนีไต่ระดับขึ้นมาใกล้ ๆ กับระดับ 1,300 จุด

และระดับ 1,300 จุด (บวก/ลบ นิดหน่อย) ที่ว่านี้  เป็นแนวต้านสำคัญ

เราอาจจะเห็นการขายทำกำไรออกมา

ประกอบกับเป็นช่วงใกล้กลางเดือนพ.ค. 63 พอดีที่ บจ.ต่าง ๆ แจ้งงบฯ ครบแล้วด้วย

ผมถามว่ามีโอกาสไหมที่ดัชนีจะปรับลงไปที่ระดับประมาณพันจุดอีกครั้ง

คำตอบคือ อาจเป็นไปได้ แต่ไม่น่าจะหลุดพัน (จุด)

Back to top button