หุ้นจิ๋วคึก!

จิ๋วแต่แจ๋วกับหุ้นขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาหุ้นสามารถทะเยอทะยานปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งยามตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนายในการลงทุนช่วงเดือนกรกฎาคม 2558


จิ๋วแต่แจ๋วกับหุ้นขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาหุ้นสามารถทะเยอทะยานปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งยามตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนายในการลงทุนช่วงเดือนกรกฎาคม 2558

 

อย่างที่เห็นกันในช่วงเดือนกรกฎาคม 2558 บรรยากาศตลาดหุ้นไม่ได้สวยหรู่สักเท่าไร เพราะส่วนใหญ่ราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ต่างปรับตัวลง “แดงเถือก” กันถ้วนหน้า ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ตัวที่ราคาหุ้นพยายามป่ายปีนอยู่ในแดนบวก

ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” มีการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขนาดเล็กอยู่ในกลุ่มตลาด mai ว่ามีหุ้นตัวไหนที่ราคาหุ้นพุ่งแรง ซึ่งปรากฏอยู่ในตารางสรุปราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง อย่างไร้เหตุผล จึงนำข้อมูลการเปรียบเทียบจากการเรียงลำดับ ซึ่งไม่ได้นำเอาผลประกอบการของบริษัทเป็นที่ตั้ง ดังนั้นข้อมูลที่ปรากฏจึงเป็นการเทียบเคียงด้านเดียวเท่านั้นไม่ได้บ่งบอกว่า การที่ราคาหุ้นแพงเกินพื้นฐาน หรือถูกกว่าพื้นฐานแต่อย่างใด แต่เป็นการหยิบยกของความเคลื่อนไหวของหุ้นเท่านั้น

สำหรับหุ้นเล็กพริกขี้หนูที่ราคาหุ้นปรับตัวพุ่ง นำทีมโดย TAPAC, TSF, SPA, TPAC, ARROW, PICO, FSMART, QTC, ILINK, TMC, KASET, VTE, ACAP, TMILL, CHUO และ LDC

ตัวแรก บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC โดยวันที่ 30 มิ.ย.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 4.04 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.26 บาท หรือเพิ่มขึ้น 55.94% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นผลจากนักลงทุนรายใหญ่เข้าไปไล่ซื้อหุ้น พร้อมกับนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อโดยผลประกอบการที่ยังแข็งแกร่ง และคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 จะออกมาดีต่อ

ตัวที่สอง บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 0.26 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 0.37 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือเพิ่มขึ้น 42.31%  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นๆ เพราะหากย้อนกลับไปดูราคาหุ้นที่ผ่านมา มาเร็ว ไปเร็ว

ตัวที่สาม บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA  โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 7.15 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.55 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 19.58% ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อีก เมื่อภาพรวมของธุรกิจยังขยายตัว โดยมีการเข้าซื้อสปา 3 ดาว ที่ลุล่วงตรงเวลาตามแผน ซึ่งเกมส์นี้จะเปิดทางให้ SPA เข้าไปแบ่งเค้กตลาดสปาระดับรอง ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ด้วยระบบบริหารการตลาดและต้นทุนแบบมืออาชีพ และสุดท้ายจะส่งผลถึงการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว บนอัตรากำไรสุทธิที่จะสูงขึ้นไปอีก

ตัวที่สี่ บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC  โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.10 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.39% ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อีก เนื่องจากมีข้อมูลหนุนจากผู้บริหาร ระบุว่า ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2558 ไว้ที่ประมาณ 12% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 1,686.2 ล้านบาท และกำไรปีนี้จะดีขึ้นจากปีก่อนด้วย โดยการเติบโตในปีนี้มาจากทั้งการรักษาฐานลูกค้าเดิมและมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามา

ตัวที่ห้า บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 11.50 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.43% ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก เมื่อมีข้อมูลจากผู้บริหาร ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสที่เหลือของปีนี้ว่า บริษัทจะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตราขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23-25% ส่วนรายได้รวมยังคงตั้งเป้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 180-200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

 

ตัวที่หก บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.20 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 9.09% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับอานิสงส์จากบริษัทได้เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ทเว็นตี้เท็น มีเดีย จำกัด จำนวน 50,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 100%  บริษัทเห็นว่าการเข้าลงทุนเพื่อขยายธุรกิจการออกแบบ ตกแต่ง และจัดสร้างนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์

ทั้งนี้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริษัทในการประชุมเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 58 โดยคณะกรรมการมีความเห็นว่าการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวมีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการขยายธุรกิจออกแบบ ตกแต่งและจัดสร้างนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในอนาคต

ตัวที่เจ็ด บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 13.10 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 14.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.40% ด้วยจุดแข็งของ FSMART จะทำให้สามารถเอาชนะตลาดที่หดตัวจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งจากช่องทางการเติมเงินมือถือดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์จาก การเพิ่มรายได้ต่อตู้ด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆ , เพิ่มรายได้ด้วยชนิดของตู้บริการใหม่ และการขยายจำนวนตู้ได้มากกว่าคาด

ตัวที่แปด บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ  QTC โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 4.32 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 4.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7.87% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นการคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2 คาดพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากเริ่มทยอยส่งมอบงานให้กับโซล่าร์ฟาร์มและงานภาครัฐมากขึ้น ขณะที่ช่วงครึ่งหลังปี 58 ยังคงสดใสจาก Backlog ที่มีอยู่ในมือ 480 ลบ. บวกกับ จะมีงานเปิดซองประมูลของของโซล่าร์ฟาร์มล้างท่อและการไฟฟ้านครหลวง หนุนรายได้ช่วงไตรมาส 4 ปี 58 ถึง ไตรมาส 2 ปี 59

ตัวที่เก้า บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือILINK  โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 20.10บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 21 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.48% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากการเก็งกำไรต่อผลประกอบการ จากบริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ตัวที่สิบ บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ TMC โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.32 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.45% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพียงการเข้ามาเก็งกำไรเท่านั้นเอง

 

ตัวที่สิบเอ็ด บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน)หรือKASET โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.24 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.09% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพียงการเข้ามาเก็งกำไรเท่านั้นเอง

ตัวที่สิบสอง บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.82บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.62% อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังแนะนำ “ทยอยซื้อลงทุน” ด้วยเหตุผล 1) ปี 2558 จะเป็น Turnaround Stock หลังปรับโมเดลหันมารุกธุรกิจพลังงานอย่างถ่านหินและโรงไฟฟ้า ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงของผลประกอบการในระยะยาว 2) ในปี 2559-2561 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 67% ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลลงทุน และ 3)  ปัจจุบันยังมี Upside 20% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2559 ที่ 4.74 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี Sum of the Part โดยใช้ Fully Diluted Share ที่ 849 ล้านหุ้น

ตัวที่สิบสาม บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน)หรือ ACAP โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.40 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.92% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพียงการเข้ามาเก็งกำไรเท่านั้นเอง

ตัวที่สิบสี่ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน)หรือ TMILL โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.90 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.54% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพียงการเข้ามาเก็งกำไรเท่านั้นเองและทุกครั้งที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นเพียงช่วงระยะสั้นๆ แต่จุดแข็งบริษัทยังคงมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากโรงงานเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะใช้กำลังการผลิตได้สูงถึง 80%

ตัวที่สิบห้า บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือCHUO โดยวันที่ 30 มิ.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.15 บาท ขณะที่วันที่ 31 ก.ค.58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.23% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากการเข้าเก็งกำไรว่าบริษัทจะพลิกมีกำไร เนื่องจากคาดหวังว่าครึ่งปีหลังงบโฆษณาลูกค้ากลุ่มยานยนต์จะมากกว่าครึ่งแรก และครึ่งหลังจะมีงานมอเตอร์โชว์ก็จะน่าเพิ่มงบโฆษณา ประกอบการกับบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะโปรเจกต์ใหญ่ 2 โปรเจกต์ มูลค่ารวม 80 ล้านบาท คาดสรุปได้เดือนหน้า

 

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงหยิบยกหุ้นเล็กที่ปรับตัวขึ้นคึกคักในช่วงเดือนกรกฎาคมเท่านั้น ส่วนในช่วงเดือนถัดไปข้าวหุ้นจะรวมรวบมาให้นักลงทุนโปรดติดตาม…

 

ราคาหุ้นในตลาด mai ที่ปรับตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2558

หลักทรัพย์ 31-ก.ค.-58 30-มิ.ย.-58 เปลี่ยนแปลง
บาท  %
TAPAC 6.3 4.04 2.26 55.94
TSF 0.37 0.26 0.11 42.31
SPA 8.55 7.15 1.4 19.58
TPAC 7.1 6.1 1 16.39
ARROW 12.7 11.5 1.2 10.43
PICO 2.4 2.2 0.2 9.09
FSMART 14.2 13.1 1.1 8.4
QTC 4.66 4.32 0.34 7.87
ILINK 21 20.1 0.9 4.48
TMC 2.4 2.32 0.08 3.45
KASET 3.34 3.24 0.1 3.09
VTE 3.92 3.82 0.1 2.62
ACAP 10.6 10.4 0.2 1.92
TMILL 3.96 3.9 0.06 1.54
CHUO 8.25 8.15 0.1 1.23

Back to top button