เศรษฐกิจพังก่อน ‘ปฏิรูป’ทายท้าวิชามาร

กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าส่งออกติดลบ 3% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ใช่เลย เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก แต่หากมองปัจจัยภายใน ประเทศไทยก็สูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปจริงๆ


ใบตองแห้ง

 

กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าส่งออกติดลบ 3% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ใช่เลย เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก แต่หากมองปัจจัยภายใน ประเทศไทยก็สูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปจริงๆ

บทความ “หรือเราจะไม่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอีกต่อไป?” โดยบุญวรา สุมะโน แห่ง TDRI ชี้ว่า ไทยถูก IMD World Competitiveness จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่า 2 ปีที่แล้ว ต่ำกว่าสิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ในหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงของเศรษฐกิจต่อการย้ายฐานการผลิต, ผลิตภาพบริษัท, ผลิตภาพและประสิทธิภาพของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, จำนวนแรงงานฝีมือที่มีอยู่ในตลาด, ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของคนในประเทศต่อความท้าทายใหม่, ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ,  ระบบการศึกษาที่ตรงกับความต้องการของเศรษฐกิจที่ต้องแข่งขัน

โชคดีอย่างที่เวียดนามไม่อยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้ ไม่งั้นละก็….

รัฐบาล คสช.คงโยนความผิดทั้งหมดให้นักการเมืองจากเลือกตั้ง เอาเถอะ ไว้ค่อยเถียงกันยาวๆ ว่าเป็นเพราะการพัฒนาประชาธิปไตยหรือความพยายามเหนี่ยวรั้งสังคมไทยของอำนาจจารีต แต่พูดกันสั้นๆ ก่อนว่ารัฐบาล คสช.สามารถพัฒนาความสามารถในการแข่งขันไหม จะเห็นผลทันหรือไม่ หรือจะยิ่งทำให้เสียโอกาสไปทุกวัน

โดยเฉพาะถ้าจะ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อีก 2 ปี กว่าจะมีเลือกตั้งก็ไม่รู้เศรษฐกิจตกต่ำไปถึงไหน เพราะสหรัฐฯ ยุโรป ถึงไม่ตัดสัมพันธ์ แต่ก็ไม่เจรจาการค้า ไม่ว่า TPP หรือ FTA

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ต้องไปหงอให้ยุโรป อเมริกา แต่คิดง่ายๆ ก็ได้ว่าถ้าคุณเป็นนักลงทุนไม่ว่าชาติใด จะมาลงทุนระยะยาวไหม ในประเทศที่ไม่เห็นอนาคตทางการเมือง ไม่เห็นโอกาสกลับสู่ความสงบที่แท้จริง นอกจากความสงบชั่วคราวใต้อำนาจปืน กระทั่งจะกลับสู่เลือกตั้งเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย

ที่จริงต่อให้เดินตามโรดแมพ กลับสู่เลือกตั้ง (ปลายปีหน้าโน้น) ก็จะได้รัฐบาลอ่อนแออยู่ใต้อำนาจแฝง อำนาจนอกระบบ ซึ่งไม่มีใครวางใจได้ว่าจะมีเสถียรภาพ จะไม่กลับมาฆ่ากันอีก ฉะนั้น ปัญหาการเมืองจะปิดกั้นทำลายความสามารถในการแข่งขันไปอีกหลายปี

ขณะเดียวกัน ถามจริงรัฐบาลทหารสามารถยกระดับการแข่งขันได้หรือ ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ใช่เรื่องที่จะใช้มาตรา 44 กวาดล้างปราบปราม จัดระเบียบ หรือสร้างค่านิยม แบบที่ทหารถนัด ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ใช่เรื่องที่จะด่าค่าแรง 300 บาท เพราะหมดยุคแล้วที่จะแข่งขันด้วยค่าแรงต่ำ เพราะเห็นชัดว่าความสามารถต่ำไม่ใช่แค่ด้านแรงงาน การศึกษา แต่รวมถึงผลิตภาพของบริษัทและ SME

ทิศทางการปฏิรูปของรัฐบาลทหาร แม้ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจ แต่ทิศทางหลักคือให้ความสำคัญกับความมั่นคง การเพิ่มบทบาทรัฐราชการ การรวบอำนาจสู่ศูนย์กลาง ซึ่งมันสวนทางกัน คสช.สนช.สปช.ไม่เคยพูดถึงการปฏิรูประบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะเปลืองงบประมาณในอนาคต “ราชการนิยม” แบบกรีซจะเป็นปัญหายิ่งกว่า “ประชานิยม” หลายเท่า

เราจะพัฒนาระบบการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของเศรษฐกิจที่ต้องแข่งขันอย่างไร ในเมื่อแทนที่จะสอนเด็ก “คิดเป็น” กลับเห็นทหารไปสอนเด็กท่องค่านิยม 12 ประการประกอบภาพท่านผู้นำ

เราปิดประเทศทางการเมือง จำกัดเสรีภาพทางความคิด วัฒนธรรม แต่พยายามเปิดประเทศดึงนักลงทุนนักท่องเที่ยว หวังจะเป็นศูนย์กลาง AEC มันจะไปด้วยกันได้อย่างไร

Back to top button