เจาะ! มาร์เก็ตติ้งลูบคมตลาดทุน

เจ้าหน้าที่การตลาดหรือผู้แนะนำนักลงทุนทั้งระบบ รวมจากทุกบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) น่าจะมีหลายพันคนครับ


ธนะชัย ณ นคร

 

เจ้าหน้าที่การตลาดหรือผู้แนะนำนักลงทุนทั้งระบบ รวมจากทุกบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) น่าจะมีหลายพันคนครับ

ทุกวันนี้ แม้นักลงทุนจะหันมาเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น

ทว่า ก็ยังมีนักลงทุนจำนวนมาก ที่ยังอาศัย ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านมาร์เก็ตติ้งกันอยู่

ว่ากันว่า มาร์เก็ตติ้งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ

แบบแรก เป็นมาร์เก็ตติ้งที่ “เก่ง” หรือมี “คุณภาพ” สามารถที่จะวิเคราะห์ หรือคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ เล่นหุ้นเก่ง ฯลฯ

มาร์เก็ตติ้งกลุ่มนี้ไม่เน้นหน้าตาครับ

ที่ผ่านมาสามารถให้คำแนะนำนักลงทุนที่อยู่ภายใต้การดูแลของตัวเองได้ดีมาก

ลูกค้าหรือนักลงทุนหลายคน ต้องอาศัยคำแนะนำการซื้อขายหุ้นจากมาร์เก็ตติ้งกลุ่มนี้ เพราะบางทีก็อาจจะตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้

ส่วนอีกกลุ่มจะเป็นผู้หญิงครับ เน้นหน้าตา รูปร่างกันสักหน่อย ความรู้พอมี เล่นหุ้นเป็น แต่ก็ต้องจบปริญญาตรีนะ

ด้านความสามารถ อาจไม่ได้เน้นเท่ากลุ่มแรกมากนัก เพราะมาร์เก็ตติ้งกลุ่มนี้ทางโบรกฯ จะคอยดูแลนักลงทุนรายใหญ่ วีไอพี หรือที่เล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ

นักลงทุนที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งมาร์เก็ตติ้งในการแนะนำซื้อขายหุ้น

นั่นเพราะอยู่ในระดับชั้นเซียนทั้งนั้น หรือให้คำแนะนำกันเองในกลุ่ม มีประสบการณ์สูง คือ เก่งกว่านักวิเคราะห์ เก่งกว่าโบรกฯ ว่างั้นเหอะ

แต่ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ หรือเป็นวีไอพี โบรกฯนั้น ก็จะส่งมาร์เก็ตติ้งมาดูแล คอยอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้

มาร์เก็ตติ้งนั้น ไม่จำเป็นต้องจบมาด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจหรอกครับ

พวกเขาจบอะไรมาก็ได้ แต่ก็ต้องเป็นระดับปริญญาตรี หลังจากนั้น ก็ต้องมาสอบ Single license เพื่อให้ได้ใบอนุญาตในการเป็นผู้แนะนำลงทุนนั่นแหละ

เงินเดือนของมาร์เก็ตติ้งจะค่อนข้างต่ำมาก บางแห่งให้ไม่ถึง 1 หมื่นบาท หรือบางแห่งก็ไม่มีเงินเดือนเลย แต่จะเป็นค่าอินเทนซีฟที่โบรกฯ เขาจัดให้

ถามว่าแล้วรายได้มาจากไหนล่ะ

คำตอบก็คือ มาจากค่าคอมมิชชั่นเป็นหลักน่ะสิ

ความสัมพันธ์ของนักลงทุนกับมาร์เก็ตติ้งจะมีค่อนข้างมาก หรือมากที่สุด และมากกว่าที่นักลงทุนจะมีความสัมพันธ์กับบริษัทหลักทรัพย์เสียอีก เว้นแต่เป็นนักลงทุนรายใหญ่จริงๆที่โบรกฯเข้ามาดูแลเป็นพิเศษ

ส่วนจะลึกซึ้งขนาดไหน ก็เป็นแค่กรณีไป

มาร์เก็ตติ้งส่วนใหญ่เล่นหุ้นกันเกือบทั้งนั้น เป็นการเทรดผ่านบัญชีนอมินี เพราะเปิดเล่นเองไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ทับซ้อน

บางคนที่เป็นมาร์เก็ตติ้งมานาน  มีประสบการณ์สูง อ่านสัญญาณทางเทคนิคเก่ง รู้พื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวดี ทางผู้บริหารโบรกฯ ก็จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

เพราะมาร์เก็ตติ้งประเภทนี้คือ “ตัวจริง”

แต่ก็แน่นอนว่า คนที่เป็นหัวหน้ามาร์เก็ตติ้งนั้น เก่งจริงๆ ครับ เก่งแบบตัวจริงนั่นแหละ

สำนักงาน ก.ล.ต.เองนั้น เขาก็มีกฎเกณฑ์ให้โบรกฯ คอยอบรมให้ความรู้มาร์เก็ตติ้งกันอยู่ จะได้มีความรู้ มีเทคนิคในการแนะนำลูกค้าที่ดี

เชื่อว่าทุกวันนี้ มาร์เก็ตติ้งที่มีคุณภาพ มีอยู่ในระบบเยอะ

หรือมากกว่าแบบที่สองแน่นอน

Back to top button