เคาะ 23 บจ.เด็ด หุ้นพลังงานฟื้นตัวSET มีรีบาวด์ หลังดาวโจนส์พุ่งแรง
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเกิด Technical Rebound สู่แนว 1,430 จุด แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดทำการของตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ระยะสั้นคาดหุ้นพลังงานได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.28 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเกิด Technical Rebound สู่แนว 1,430 จุด แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดทำการของตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ระยะสั้นคาดหุ้นพลังงานได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว
หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-ITD-ADVANC-INTUCH-TRUEIF-CK-STEC-SEAFCO-SCC-KBANK-BLA-EA-WORK-THCOM-BTS-EASTW-PTT-PTTEP-VTE และ PAF
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 5 พร้อมให้โอกาสที่ SET INDEX เกิด Technical Rebound สู่แนว 1,430 จุด +/- หลัง SET INDEX ปรับฐานลงปิดแก๊ปบริเวณ 1,419 จุด +/- และพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดทำการของตลาดหุ้นไทยก็ตาม ประเมิน SET INDEX น่าจะปิดยืนเหนือ 1,425 จุดได้ จากแรงผลักดันของหุ้นขนาดกลางและเล็ก รวมถึงหุ้นปันผลเด่น ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน/ธนาคาร คาดว่าจะทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบ
ปัจจัยเด่นสำคัญวันนี้ เราให้น้ำหนักกับการประชุมครม.วันนี้ อาจมีการรายงานความคืบหน้าของคณะทำงานโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน หลัง รมว.คมนาคม เสร็จสิ้นการหารือร่วมกับ คณะทำงานของจีน ระหว่างวันที่ 6-8 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมถึง รมว.คลัง อาจนำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ต่อครม. หลังชะลอการเสนอเรื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ อาจทำให้เกิดแรงเก็งกำไรต่อกลุ่มอุตฯ ที่จะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน คือ 1) การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่าจะเป็นการประชุมเดือนก.ย. หรือจะเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นสิ้นปี เพราะมีผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และ 2) ภาพรวมเศรษฐกิจจีน หลังจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และต่ำกว่าคาด อาจทำให้ทางการ และ/หรือ ธนาคารกลางจีน พิจารณาเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นตามมาได้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 ยังคงต้องใช้เวลา ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แกว่งตัวผันผวน มิใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียว
และแม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงไร้ทิศทาง และนักลงทุนที่ขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนก็ตาม แต่เราเชื่อว่าการเลือกลงทุนในเป็นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 จะเติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 58 เป็นทางเลือกของการเก็งกำไรรอบสั้นในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนกลับมาทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยเน้นหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 จะเติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้”
Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA
Speculative Buy: ITD
Accumulative Buy: INTUCH
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) ว่า แนวโน้ม SET วันนี้ คาดปรับสูงขึ้น โดยคงเป้าหมาย Technical Rebound รอบนี้ที่ 1,448 หรือ 1,490 จุด จาก 1) SET ปิด Gap ทางเทคนิคที่ 1,418 จุดไปแล้ว และลุ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวในกราฟระยะสัปดาห์ 2) การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ หนุนน้ำมัน Brent +1.8% และ M&A Deal หนุน Dow Jones +1.39% 3) การเปิดประมูลรถไฟรางคู่ภายใน และการปรับ ครม.ในช่วง ส.ค.-ก.ย. และ 4) คาดเม็ดเงินจาก Trigger Fund เริ่มเข้าสู่ตลาดตั้งแต่สัปดาห์นี้ โดยคงกลยุทธ์ลงทุน “Selective” ต่อไป
1. กลุ่มหุ้นปันผลสูง: “ซื้อ” ADVANC INTUCH (Yield 3%) และ TRUEIF
2. กลุ่มหุ้นรับเหมาฯ + วัสดุก่อสร้าง: CK STEC SEAFCO SCC
3. กลุ่มหุ้น Valuation ถูก: KBANK BLA (กำไร Turnaround ด้วยการเติบโต 44-56% ในปี 2015-16 และ EA
4. กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากน้ำมันฟื้นตัว (เปลี่ยนจากได้ประโยชน์จากน้ำมันลง): PTT PTTEP (Rebound 87.5/92.0)
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) ว่า SET วันนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน แต่คาดการปรับขึ้นยังเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ประเด็นเดิมในปท.ที่กดดัน (-) ความกังวลแนวโน้มศก.ช่วงที่เหลือของปี ทั้งการบริโภคในปท. การลงทุนภาคเอกชน-ส่งออก รวมถึง Fund Flow ล่าสุดต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ตั้งแต่ต้นปีมูลค่าขายสุทธิสูงกว่า 4.80 หมื่นล้านบาท แนะติดตามค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า คาดส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
หุ้นแนะนำ: CK
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) ว่า SET อาจได้ sentiment เชิงบวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ทุกอย่างขึ้นกับความสามารถทำกำไรของหุ้นรายตัว วันนี้เลือก Top pick คือ WORK(FV@B45) เป็น 1 ในไม่กี่รายที่อยู่รอดภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว มี rating สูง และขึ้นค่าโฆษณาได้ต่อเนื่อง เพราะมีฐานเดิมที่ต่ำ และยังชื่นชอบหุ้นทนทานต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอ เช่น THCOM, BTS, EASTW
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) แนะนำให้สังเกตุทิศทางค่าเงินบาท/สหรัฐหากเริ่มแข็งค่ากว่าระดับ 35 บาท/USD. จะเป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงสกุลเงินบาท และแรงซื้อจากกองทุน Trigger Fund น่าจะเริ่มเข้ามาตลาดจะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น โดยวางแนวรับที่ระดับ 1,410-1,420 จุด แนวต้าน 1,440 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น PTTEP (FV@92) คาดได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนปรับลงเล็กน้อยโดยเมื่อวานนี้ยังไม่ผ่านแนวต้านใหม่ที่ 1,435 จุดและเมื่อวานเกิดแนวต้านล่าสุดที่ 1,426 จุด ขณะที่ MACD ลบมาขึ้นที่ -12.01 การแกว่งตัว sideway ที่เกิดขึ้น
หากพิจารณาในเรื่องของ price pattern พบว่า มีลักษณะรูปแบบ breakdown เกิดขึ้น ทำให้ภาพตลาดหลักจะยังไม่สามารถแสดงภาพแนวโน้มขึ้นที่ชัดเจนได้ และมีแนวโน้มจะลงต่อเนื่องได้ เนื่องจาก MACD ยังแสดงค่าลบมากขึ้นเมื่อวานนี้ และ SET ยังเคลื่อนไหวใต้ MA10 และ MA25 โดยรูปของ candlestick เมื่อวันก่อนแสดงรูปการอ่อนลงในวันข้างหน้าของ SET
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,415-1,426
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร VTE และ PAF