ดัชนีเชื่อมั่นราคาทอง พ.ค. อยู่ที่ 68.33 จุด พุ่งต่อเนื่อง หลัง “โควิด” ฉุดศก.โลกผันผวน

"ศูนย์วิจัยทองคำ" เผยดัชนีเชื่อมั่นราคาทอง เดือนพ.ค. อยู่ที่ 68.33 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังวิกฤต "โควิด" ฉุดเศรษฐกิจโลกผันผวน


นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนพ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 68.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด หรือคิดเป็น 0.59% เมื่อเทียบกับ เม.ย.63 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 67.93 จุด

โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นนั้น มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ส่วนความต้องการซื้อทองคำช่วงเดือนพ.ค.63 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 303 ตัวอย่าง พบว่า 40.93% ยังไม่ตัดสินใจซื้อทองคำในเดือนนี้ ขณะที่ 37.29% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ และอีก 21.78% คาดว่าจะซื้อทองคำ

สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงกับราคาทองคำจำนวน 10 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาทองคำในเดือนพ.ค.63 จะเพิ่มขึ้น มีจำนวน 5 ราย และคาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน เม.ย.63 มี 3 ราย ส่วนที่คาดว่าราคาทองคำจะลดลง มี 2 ราย

ทั้งนี้ การคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนพ.ค.63 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ พบว่า Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,646 – 1,761 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 25,200 – 26,700 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทไทยให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.06 – 32.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนการลงทุนทองคำในเดือน พ.ค.63 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำในเดือนที่ผ่านมาสร้างสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง แต่ยังคงพยายามรักษาระดับไว้ ทั้งนี้ประเมินว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวภายในกรอบที่บริเวณ 1,646 – 1,761 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

พร้อมแนะให้ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 หลังการพิจารณาผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ ของมาตรการปิดเมือง (Lock Down) หากนโยบายการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง สามารถดำเนินการอย่างราบรื่น จะทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น แต่หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์ อีกทั้งเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้น ตลาดเงิน และตลาดทุน รวมทั้งตลาดทองคำอาจเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนด้วย

Back to top button