BAM กำไรไตรมาส 1 วูบ 78% เหลือ 699 ลบ. หลังหมดบุ๊กพิเศษ-บันทึกขาดทุน NPA ด้อยค่า

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2563 หลังสอบทานโดยผู้สอบบัญชีมีกำไรสุทธิ 699 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 78.5 จาก 3,247 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2562 ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีเงินรับชำระจากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งที่รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/2562

โดยในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับ – สุทธิ (ปี2562 : เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้) 78,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2562 จำนวน 640 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 โดยมีสาเหตุหลัก ดังนี้

บริษัทฯ มีการปรับปรุงผลสะสมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเนื่องจากการนำเอามาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่มาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทฯ มีเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ 77,375 ล้านบาท และปรับปรุงผลสะสมลดลง 2,182 ล้านบาท จึงมีเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับ ณ วันที่ 1 มกราคม 2563 จำนวน 75,193 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ รับซื้อ NPLs เพิ่มในไตรมาส 1/2563 จำนวน 4,911 ล้านบาท – นอกจากปรับปรุงผลสะสมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีแล้ว ในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 3,077 ล้านบาท

โดยเป็นรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ 3,054 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่รับเงินแล้ว 202 ล้านบาท และส่วนที่ค้างรับ 1,238 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้– ส่วนที่ค้างรับคู่กันไป เพื่อแสดงรายการผลกำไรจากการดำเนินงานให้สะท้อนตามข้อเท็จจริง

ด้านสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีในไตรมาสที่ 1/2563 บริษัทฯ บันทึกรายการดังกล่าวที่เกิดขึ้นจริงในระหว่างงวดจำนวน 1,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2562 เป็นจำนวน 746 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 151.9 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจากความแตกต่างชั่วคราวทางด้านบัญชีและภาษีอากรในส่วนของค่ำเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น – เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และค่าปรับมูลค่าทรัพย์สินรอการขาย

นอกจากนี้ บริษัทฯ บันทึกสินทรัพย์สิทธิการใช้ในไตรมาส 1/2563 จำนวน 28 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการรับรู้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ตามสัญญาเช่าจากการนำเอามาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 มาถือปฏิบัติครั้งแรก ณ วันที่ 1 มกราคม 2563