โบรกฯชงซื้อหุ้นเข้าดัชนี MSCI ก่อนวันบังคับใช้!?
เมื่อความชัดเจนปรากฏสำหรับหุ้นเข้า - ออกในดัชนี MSCI ทางบล.เอเซีย พลัส แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard
เส้นทางนักลงทุน
MSCI (Morgan Stanley Capital International) ประกาศรายชื่อหุ้นที่ถูกนำเข้าและคัดออกในดัชนี MSCI Global Standard และ MSCI Global Small Cap ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2563
สำหรับหุ้นที่ถูกนำเข้าและถูกคัดออกในดัชนี MSCI Global Standard แยกเป็น หุ้นที่ถูกนำเข้า ได้แก่ AWC, BAM และ KTC ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออก ได้แก่ BANPU
ขณะที่หุ้นที่ถูกนำเข้าและถูกคัดออกในดัชนี MSCI Global Small Cap แยกเป็น หุ้นที่ถูกนำเข้า ได้แก่ BANPU ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออก ได้แก่ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC, ITD, LPN, GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, PLAT, PSL, UV และ WORK
ในเมื่อความชัดเจนปรากฏสำหรับหุ้นเข้า-ออกในดัชนี MSCI ทางบล.เอเซีย พลัส แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard อย่าง AWC, BAM และ KTC ในวันที่ประกาศ และขายทำกำไรในวันที่มีผลบังคับใช้ (2 สัปดาห์หลังจากนี้) น่าจะ Outperform ได้ดียามที่ตลาดยังอยู่ในภาวะผันผวน
มิหนำซ้ำหุ้นที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI นั้นจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมากอีกด้วย
ส่วนหุ้น BANPU อาจจะผันผวนในช่วงนี้ เนื่องจากถูกกดดันจากการถูกคัดออกจากดัชนี MSCI Global Standard และยังมีโอกาสถูกคัดออกจาก SET50 ในรอบที่จะถึง เนื่องจากอันดับ Market Cap ลดลงมาอยู่อันดับที่ 77 ของหุ้นทั้งหมดใน SET Index
ทั้งนี้จากคำแนะนำซื้อเก็งกำไรก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ เหตุผลเพราะจากสถิติในอดีต พบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันก่อนการเข้าคำนวณ โดยเฉพาะหลังประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ ซึ่งหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard มักจะ Outperform ตลาด เช่น รอบที่ผ่านมา เดือน ธ.ค. 2562 หุ้นที่ถูกคัดเข้าอย่าง BGRIM SAWAD GPSC ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนวันมีผลบังคับใช้ 3.4%, 1.5%, 1.4% ตามลำดับ ขณะที่ SET Index ลดลง 1.03%
รวมถึงจากสถิติในอดีตย้อนหลัง 12 ปี พบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว 4.6% และมีความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 75%
ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกมีโอกาสปรับตัวลดลง โดยเฉพาะถูกคัดออกจากดัชนี MSCI Global Standard ในอดีตลดลงเฉลี่ย 10.9% โอกาสลดลง 92% และหุ้นที่ถูกคัดออกจากดัชนี MSCI Global Small Cap ลดลงเฉลี่ย 4.9% มีโอกาสปรับตัวลดลง 79%
ดังนั้นด้วยสถิติในอดีตอาจเป็นตัวชี้วัดให้นักลงทุนใช้เป็นแนวทางของการลงทุน !!!
เนื่องด้วยการเลือกหุ้นที่อยู่ใน MSCI ถือว่าได้ถูกคัดกรองมาแล้วว่าเป็นหุ้นที่มีคุณภาพ เหมาะแก่การลงทุน และ ในบางสถาบันมีนโยบายที่ต้องลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน MSCI เท่านั้นด้วย
การที่หุ้นถูกเพิ่มเข้าใน MSCI จึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่ได้ถูกนำเข้านั่นเอง !!!
นอกจากทาง AWC, BAM และ KTC จะได้รับปัจจัยบวกจากการถูกเพิ่มเข้าดัชนี MSCI แล้ว สิ่งที่น่าสนใจเฉพาะตัวบริษัทหลังจากนี้ที่คาดว่าจะดี
อย่าง บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC แม้ว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กระทบธุรกิจโรงแรมและธุรกิจค้าปลีกกดดันภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกก็ตาม แต่คาดหวังจะเริ่มเห็นฟื้นกลับมาได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2563 หรือไตรมาส 4/2563 หากไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ซึ่งยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ช่วยประคองผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ให้ลดลงไปมาก อีกทั้งราคาหุ้น AWC ยังต่ำกว่าราคา IPO
ในส่วน บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นครึ่งหลังของปี 2563 ทำให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นในอนาคตหนุนผลประกอบการ และด้วยการซื้อสินทรัพย์ราคาถูกเพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถใช้กลยุทธ์ด้านการตั้งราคาในการเก็บเงิน และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ 1 บาท และการปิดหน่วยงานด้านกฎหมายไม่กระทบต่อการดำเนินงาน แต่การหยุดประมูลจะกระทบต่อการดำเนินงาน แต่เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลเริ่มเปิดเมืองจะทำให้กลับมาเปิดการจัดประมูลได้อีกครั้ง
ขณะที่ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC คาดแนวโน้มกำไรกลับมาโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาส 2/2563 จากประโยชน์ของ TFRS 9 ที่เร่ง Write-off ไปเมื่อไตรมาส 2/2562 ขณะที่กำไรอาจชะลอจากไตรมาสก่อนจากผลกระทบของโควิด-19 แต่ถึงอย่างไรโดยภาพรวมนักวิเคราะห์ยังมองกำไรปี 2563 ที่ 6.64 พันล้านบาท โต 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลบวกจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการผ่อนปรนทางบัญชีชั่วคราว
สรุปจากข้อมูลข้างต้น AWC, BAM และ KTC ถือยังเป็นหุ้นน่าเก็งกำไร!!!