แบงก์-พลังงานลูบคมตลาดทุน

นั่งอ่านบทวิเคราะห์ และคุยกับนักวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ปรากฏว่าวิสัชนาที่ได้รับแตกต่างกันไป


ธนะชัย ณ นคร

 

นั่งอ่านบทวิเคราะห์ และคุยกับนักวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้

ปรากฏว่าวิสัชนาที่ได้รับแตกต่างกันไป

บางคนยังให้เป้าดัชนีสิ้นปี 2558 ไว้ที่ 1,600 จุด โน่นแน่ะ

ทว่าบางคนบอกว่าดัชนีสิ้นปีนี้ยืนเหนือ 1,400 จุถดได้ก็นับว่าเก่งมากๆ แล้ว

เคยคุยกับ “เสี่ยป๋อง” วัชร แก้วสว่าง เมื่อเดือนก่อนหน้า ว่านักลงทุนรายใหญ่ปรับพอร์ตลงทุนกันอย่างไร ซึ่งขณะนั้น ก็ได้รับคำตอบว่า เขาหันมาถือเงินสดกันมากขึ้น

ล่าสุด เห็นเสี่ยป๋องให้สัมภาษณ์เมื่ออาทิตย์ล่าสุด

คำตอบของเขายังเหมือนเดิม คือ ส่วนใหญ่ยังถือเงินสด 70% และเล่นหุ้นเพียงแค่ 30%

ประเด็นที่น่าสนคือ เสี่ยป๋อง มองว่า ดัชนีสิ้นปีคงไปได้ไม่เท่าไหร่นักหรอกเพราะหุ้นในกลุ่มธนาคารมันกดดันอยู่

เราหันมาดูมาร์เก็ตแคปของกลุ่มธนาคารกันซักหน่อย โดยพบว่า คิดเป็น 30-40% ของมูลค่าตลาดรวม

ตอนนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารสามวันดีสี่วันไข้ เพราะนักลงทุนยังหวั่นเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ว่าไตรมาส 3 ยังคงโป่งพองอีก

และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ

นั่นก็หมายว่าความ บรรดานายแบงก์จะต้องมานั่งตั้งสำรองค่าเผื่อฯ กันก้นบานอีกแน่ๆ

หากกลุ่มธนาคารไม่ได้ และถูกเทขายมาตลอดแบบนี้ ดัชนี มันก็คงไม่น่าไปได้ไกลเท่าไหร่ หรือไม่ก็วนเวียน พายเรืออยู่ในอ่าง แกว่งตัวในกรอบแคบๆ

เข้าใจว่านี่คือเหตุผลที่เสี่ยป๋องมอง

ทว่าเสี่ยป๋อง ก็ยังมีมุมมองเชิงบวกหุ้นในกลุ่มรับเหมา เพราะยังมีความหวังจากการลงทุนภาครัฐ

เส้นกราฟหุ้นในกลุ่มรับเหมาค่อนข้างสวย

หากใครทราบสไตล์การซื้อขายหุ้นของเสี่ยป๋องก็จะรู้ดีว่า นักลงทุนรายใหญ่คนนี้ให้ความสำคัญกับ “เส้นกราฟ” มาก และถึงมากที่สุด

ปัญหาขณะนี้คือ นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

ล่าสุดสภาธุรกิจตลาดทุนก็ออกมาให้ข้อมูลว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเดือนล่าสุดลดลง 41%

เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้

โครงการภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนในด้านการลงทุน ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่กันแน่ การเบิกจ่ายงบประมารภาครัฐก็ดูติดๆ ขัด ไปซะทั้งหมด ไม่ได้ดั่งใจนายกฯลุงตู่ เลย

เสี่ยป๋องบอกว่า หากทุกอย่างมีความชัดเจน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็จะกลับมา

นักวิเคราะห์บางคนมองว่า นอกจากปัญหาในกลุ่มธนาคาร

กลุ่มพลังงานก็กดดัชนีให้ดิ่งลงได้เช่นกัน

ล่าสุด ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับลดลง หรือลงมาแถวๆ 42-43 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล

หุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT และ PTTEP มาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ ทั้งนั้น เช่น หุ้น PTT นี่มูลค่าตลาดมากสุดในตลาดหุ้นราคาจะหลุด 300 บาทอีกแล้ว

สรุปแล้ว หากกลุ่มธนาคาร และพลังงานยังเดี้ยงกันแบบนี้ โอกาสที่ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปมากกว่านี้ก็คงยาก

มีคำแนะนำจากผู้จัดการกองทุนของ “บลจ.” ต่างๆ ว่า แม้หุ้นใหญ่ในกลุ่มแบงก์พลังงานจะมีปัญหา

แต่ช่วงนี้ก็เป็นโอกาสดีในการซื้อกองทุน LTF รวมถึง RMF ด้วย

แบ่งเงินออกมา ซื้อถือยาวๆ กันไป แถมได้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย

ในวิกฤตย่อมยังมีโอกาสอยู่เสมอ

Back to top button