LPN-NOBLE วิ่งรับข่าวเทกโอเวอร์! จับตาทยอยเก็บหุ้น ดันสัดส่วนแตะจุดเทนเดอร์ฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ล่าสุด ณ เวลา 10.27 น. อยู่ที่ระดับ 6.05 บาท ปรับตัวขึ้น 0.35 บาท หรือ 6.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 443.25 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE อยู่ที่ระดับ 12.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.70 บาท หรือ 5.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.58 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ หลังจากที่แหล่งข่าววงการเงิน เปิดเผยว่า มีกระแสข่าวลือออกมาว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE มีแผนที่จะเข้าดำเนินการซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) ของบริษัท  แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN

โดย NOBLE จะทยอยเข้าไล่เก็บหุ้น LPN ในกระดาน เพื่อสะสมหุ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงสัดส่วน 25% ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ NOBLE สามารถประกาศตั้งโต๊ะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หุ้นในส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ของ LPN ได้ เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ LPN เป็นในลักษณะเบี้ยหัวแตก ถือกระจัดกระจายหลายราย

ขณะที่สาเหตุที่ NOBLE ต้องการเข้ามาเทกโอเวอร์ LPN เนื่องจาก ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2563 ทาง LPN มีกำไรสะสมที่ไม่ได้จัดสรรมากถึง 10,674.75 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 7-8 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในตลาดที่อยู่ที่ 5.80 บาท และมีฐานลูกค้าที่ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ของ LPN จำนวนมหาศาล ซึ่ง NOBLE คาดว่าจะสามารถนำมาต่อยอดหรือขยายฐานลูกค้าแรบบิทการ์ด รวมถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจโฆษณาออนไลน์ในอนาคตของกลุ่มบีทีเอส ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ NOBLE ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบีทีเอสมีฐานลูกค้าบัตรแรบบิททั้งหมด 14 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 1 ล้านใบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีลูกค้าบัตรแรบบิทเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 2,000-3,000 ใบ

นอกจากนี้ LPN ซึ่งถือเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง ซึ่งน่าจะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NOBLE และกลุ่มบีทีเอสที่มีความแข็งแกร่งในตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางบน ทำให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าโครงการคอนโดมิเนียมครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ในอนาคต