SPA บวก 3% แรงในรอบ 3 เดือน รับปลดล็อกเฟส 3 หนุนธุรกิจให้กลับมาบริการปกติ
SPA บวก 3% แรงในรอบ 3 เดือน รับปลดล็อกเฟส 3 หนุนธุรกิจให้กลับมาบริการปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ณ เวลา 15.31 น. อยู่ที่ระดับ 7.70 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 3.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 80.71 ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 3 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 8.00 บาท เมื่อวันที่ 21กพ.63
โดยล่าสุดวันนี้(29 พ.ค.63)นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานมีมติให้ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวมาเป็น 23.00-03.00 น. โดยมีเหตุผลในเรื่องของการขนส่งข้ามจังหวัด
ส่วนกิจการที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม อาทิ ร้านนวดแผนไทย สปา แต่ยังยกเว้นสถานประกอบกิจการอบไอน้ำ ส่วนโรงภาพยนตร์ เปิดได้แต่จำกัดจำนวนผู้เข้าชมไม่เกิน 300 คนต่อรอบ พร้อมทั้งขยายเวลาปิดห้างสรรพสินค้าเป็น 21.00 น.
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy ได้แก่ MINT CENTEL ERW AOT คาดหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังคลาย Lockdown และMAJOR SPA คาดศบค.ผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 ในสัปดาห์นี้
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ออกมาไม่สดใส เป็นกำไรเพียง 4.4 ล้านบาท (-93% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -94% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และแนวโน้มไตรมาส 2/63 จะยังไม่ดี มีโอกาสสูงที่ถึงขนาดจะขาดทุนได้ ตามการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามการถูกสั่งปิดร้านจากภาครัฐมาตั้งแต่ 18 มี.ค.63
อย่างไรก็ตามข้อดีของบริษัทคือ มีงบดุลที่แข็งแกร่ง และกระแสเงินสดที่เพียงพอจะประคองตัวไปได้ และรอวันรัฐคลาย ล็อกดาวน์ให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ปกติ ซึ่งก็คาดว่าจะไม่นานจากนี้ ด้านการจ่ายปันผลเป็นหุ้นก็สำเร็จลุล่วงแล้ว ช่วยประหยัดเงินสดไปได้ส่วนหนึ่ง
แต่ได้มีการปรับประมาณการลงมากพอควรคือปีนี้และปีหน้าในอัตรา -110%/-79% ตามลำดับ สะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีผลกระทบรุนแรงและยาวนานกว่าคาด หลังปรับประมาณการ คาดว่าปีนี้จะเป็นขาดทุน 21 ล้านบาท และปี 64 พลิกกลับเป็นกำไรได้ 57 ล้านบาท ทั้งนี้หากสถานการณ์การกลับมาฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสจะปรับประมาณการให้เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
คงคำแนะนำ ซื้อ แต่ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงมาเป็น 8.80 บาท สะท้อนการปรับประมาณการลง และประเมินด้วยวิธี DCF แต่ราคาหุ้นปรับลงมามากไปจนกลับมามีส่วนเพิ่มได้อีก 19%