BTS โชว์กำไรปี 62/63 โตแรง 184% รับรายได้ธุรกิจรถไฟฟ้า-สื่อฯ แจกปันผล 0.15 บ.
BTS โชว์กำไรปี 62/63 โตแรง 184% รับรายได้ธุรกิจรถไฟฟ้า-สื่อฯ แจกปันผล 0.15 บ.
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เผยผลประกอบการปีงบประมาณ 62/63 (เม.ย.6-มี.ค.63) แม้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ โดยกำไรสุทธิในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 184% จากปีก่อน แตะ 8.2 พันล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสร้างสถิติสูงสุด ที่ 4.8 พันล้านบาท เติบโต 47% จากปีก่อน
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจำนวน 4.22 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นรายได้หลัก ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งแสดงกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน
สำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของเรายังคงมีพัฒนาการรุดหน้าต่อเนื่องเป็นอย่างมาก โดยในปี 62/63 มีรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ จำนวน 25.2 พันล้านบาท
ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำปี 62/63 เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนเป็น 3.8 พันล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.4 พันล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ทั้งสายตั้งแต่เดือน ธ.ค.61 รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ 5 สถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือในปี 62
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าการเปิดทดลองให้บริการโครงการดังกล่าวอีก 4 สถานี ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเดือน มิ.ย.63 และคาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีที่เหลือภายในสิ้นปี 63
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการเติบโตของรายได้ O&M ในอนาคต สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 63/64 ภายหลังการลงนามในสัญญาที่คาดว่าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะสามารถลงนามได้ในเดือน มิ.ย.63 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเดือน ก.ค.63
สำหรับในฝั่งธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแบบ Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ สามารถสร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยมีรายได้ 4 พันล้านบาท เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.1 พันล้านบาทในปีก่อน โดยมีหน่วยธุรกิจใหม่ของ VGI อย่าง VGI Digital Lab ที่จะใช้ฐานข้อมูลในการให้บริการแบบดิจิทัล สร้างผลการดำเนินงานแข็งแกร่งทะลุเป้ารายได้ปีแรกที่วางไว้ 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ VGI ยังได้ยกเลิกการควบรวมงบการเงินบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 62/63 เป็นต้นไป อันเป็นผลมาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้แก่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ทั้งนี้ การยกเลิกการควบรวมงบการเงินดังกล่าวทำให้อัตรากำไรสุทธิของ VGI ดียิ่งขึ้น โดย VGI มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 35.6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป
ด้าน นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มระบาดตั้งแต่เดือน ธ.ค.62 สะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา รูปแบบธุรกิจและโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการก้ามข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
“เราคาดว่าปี 63/64 จะเป็นอีกปีแห่งความท้าทายเมื่อโลกของเราเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นปีที่น่าตื่นใจสำหรับเรา ด้วยโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง อีกทั้ง เรายังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจของเรา”
นอกจากนี้บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 เม.ย. 2562 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 และกำไรสะสมอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.15 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 29 ก.ค. 2563วันที่จ่ายปันผล 14 ส.ค. 2563