8 หุ้น เดินสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์
ฟ้าหลังฝนยอมสดใสเสมอ ! เมื่อภายหลังจากรัฐบาลประกาศปลดล็อกเฟส 3 ให้กับกลุ่มกิจการ-กิจกรรม เปิดดำเนินการได้อย่างเป็นทางการ
เส้นทางนักลงทุน
ฟ้าหลังฝนยอมสดใสเสมอ ! เมื่อภายหลังจากรัฐบาลประกาศปลดล็อกเฟส 3 ให้กับกลุ่มกิจการ-กิจกรรม เปิดดำเนินการได้อย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
สำหรับในการผ่อนปรนในระยะที่ 3 โดยกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตที่มีการเปิดเพิ่มเติมจากเฟส 1 และเฟส 2 มีอีกหลากหลายกิจการ-กิจกรรมด้วยกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวโยงไปกับกลุ่มหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อาทิเช่นการผ่อนปรนห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มีการขยายเวลาปิดดำเนินการจนถึงเวลา 21.00 น. หุ้นที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK
ส่วนกรณีเปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา มีหลักทรัพย์ที่ได้รับโยชน์ คือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA
นอกจากนี้การเปิดสถานที่โบว์ลิ่ง สเก็ต เฉพาะการออกกำลังกาย หรือการฝึกซ้อม การเปิดโรงภาพยนตร์ โดยมีการจำกัดจำนวนคน ดังนั้นมีหลักทรัพย์ที่ได้รับโยชน์ คือ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR
มิหนำซ้ำการปรับลดเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00-03.00 น. และอนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ไม่ถือว่าเสรีมาก เพราะยังต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของทางราชการ
ทั้งนี้ กรณีที่ประชาชนเริ่มมีการจองที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ถือว่ามีความเหมาะสมแค่ไหนในช่วงเวลานี้นั้นก็ต้องไปดูว่าไปเที่ยวที่ไหน ถ้าไปชายทะเลยังไม่เปิด แต่ถ้าเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมก็เปิดให้บริการแล้ว
ทั้งนี้ก่อให้เกิดผลบวกต่อกลุ่มโรงแรงบางส่วน เนื่องจากบางจังหวัดมีการคลายล็อกบ้างแล้ว ซึ่งอาจส่งผลบวกกับ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้นด้วยสมมติฐานว่าด้วยมาตรการผ่อนปรนการปลดล็อกดาวน์ให้ประชาชนสามารถดำเนินกิจการและกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้นนั้น ในทางเซนติเมนต์ส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นดังกล่าวในระยะสั้นนี้ได้ เพราะ “ฟ้าหลังฝนยอมสดใส”
โดยเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นบางตัวมีการฟื้นตัวขึ้นตอบรับกับข่าวบ้างแล้วในช่วงวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับการผ่อนปรน อย่าง SF เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ราคาหุ้นปิดที่ 4.86 บาท บวก 0.02 บาท หรือขึ้นไป 0.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.77 ล้านบาท
ERW เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ราคาหุ้นปิดที่ 3.48 บาท บวก 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.82% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91.04 ล้านบาท, MINT เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ราคาหุ้นปิดที่ 18.90 บาท บวก 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 749.40 ล้านบาท และ MBK เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ราคาหุ้นปิดไม่เปลี่ยนแปลง,
ส่วนทางด้าน CRC, SPA, MAJOR และ CENTEL ในวันที่ 1 มิ.ย. 2563 มีการเก็งกำไรในช่วงเปิดตลาดช่วงภาคเช้า แต่หลังจากนั้นเกิดการเทขายทำกำไรออกมา อาจเกิดการเซลออนแฟกต์ (Sell on Fact) เนื่องจากรับรู้เรื่องดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้า ดูได้จากราคาหุ้นบนกระดานที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านั่นเอง
ถึงอย่างไรก็ตามอาจเป็นการพักฐาน เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะสั้นหลังจากมีปัจจัยบวกที่ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ แม้ว่าอาจไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะยังมีข้อกำหนดของการให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป และการจำกัดจำนวนคนนั่นเอง
อย่างไรก็ดีทั้ง 8 หลักทรัพย์ก็เริ่มเห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” บ้างแล้ว เพราะธุรกิจกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง หลังจาก “มืดมิด” ด้วยเหตุธุรกิจหยุดชั่วคราวจากผลกระทบของสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มานับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมาจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2563
ผลดังกล่าวจะทำให้ดึงความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นข้างต้น แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 จะรับผลกระทบเต็ม ๆ และทุกฝ่ายประเมินว่าในส่วนของผลการดำเนินงานส่วนใหญ่จะลดลง หรือพลิกเป็นขาดทุน แต่เรื่องนี้ทุกคนจะทราบกันดีอยู่แล้ว แล้วอาจจะเห็นราคาหุ้นมีผลรับรู้อีกครั้งในช่วงประกาศงบนั่นเอง
ส่วนระยะสั้นนี้เชื่อว่าราคาหุ้นยังคงได้รับเซนติเมนต์ในเชิงบวก