ดันท้ายตลาดโมนิก้าและทีมงาน
ไปๆ มาๆ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก็ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ ความหวังที่จะได้เห็นดัชนีเด้งกลับบริเวณ 1,400 จุด กลายเป็นฝันสลายในชั่วพริบตา และยังทำให้เหล่านักเล่นขวัญหนีดีฝ่อกันอย่างถ้วนหน้านั้น “โมนิก้า” ถือเป็นบททดสอบความแน่วแน่ในการลงทุน ซึ่งวานนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในทิศทางการลงทุนเจ้าค่ะ
เจาะกระดานหุ้น
*ไปๆ มาๆ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก็ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ ความหวังที่จะได้เห็นดัชนีเด้งกลับบริเวณ 1,400 จุด กลายเป็นฝันสลายในชั่วพริบตา และยังทำให้เหล่านักเล่นขวัญหนีดีฝ่อกันอย่างถ้วนหน้านั้น “โมนิก้า” ถือเป็นบททดสอบความแน่วแน่ในการลงทุน ซึ่งวานนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในทิศทางการลงทุนเจ้าค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ดัชนีทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลงไปทำระดับต่ำสุด 1,382.70 จุด ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,404.15 จุด ลบไป 4.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นไฟต์บังคับที่นักเล่นต้องพิจารณาสิ่งที่จะตามมาระลอกใหม่ และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจนักเล่นให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะหุ้นบลูชิพกลายเป็นของแสลงสำหรับนักลงทุนทุกหมู่เหล่าไปเสียแล้วนะคะ
*เนื่องจากเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่โดนถล่มอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และน่าจะโดนเทขายต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด เพราะเมื่อแลซ้าย แลขวา บวกกับ แลหน้า แลหลัง “โมนิก้า” ไม่เห็นมีประเด็นอะไรใหม่ๆ ที่จะช่วยให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แถมวานนี้มีการดันหุ้นเพื่อทำดัชนีในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติเลยค่ะ
*ในมุมหนึ่งอาจเป็นจังหวะของการทำตัวเป็นชาวสวน และอาจเปิดโอกาสให้ทำตัวเป็นชาวไล่ชั่วขณะ ซึ่งเมื่อดูแบบรวมๆ จะเห็นว่า มันคือเกมหุ้นที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับทำตัวโอนอ่อนเหมือนสนต้องลม เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะหยั่งรู้ถึงกระแสลมหันไปยังทิศไหน? ซึ่งเป็นข้อมูลที่เดี๊ยนพยายามสอดแทรกให้ลองไปคิดทุกครั้งที่ดัชนีลงแรงเกินกว่าเหตุนะคะ
*เหมือนกับในรายของ AOT ของมันเห็นกันมาจน นมยาน..อุ๊ย..นมนาน ธุรกิจผูกขาด กำไรมากน้อย อยู่ที่การควบคุมภายใน และปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบเป็นเพียงแค่ระยะสั้น เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพที่ควรจะเป็น หุ้นจะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 278 บาท บวกไป 5 บาท ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท ทั้งที่ระหว่างวันโดนถล่มลงไปกองอยู่ที่ 266 บาท ก็ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้หุ้นกลับทิศอย่างบูรณาการเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC โดนถล่มเทขายอย่างหนักเป็นเวลานาน บวกกับลงมาถึงก้นเหวก่อนใครเพื่อน วันนี้เลยไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 66.75 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 570 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ต้องเล่นอย่างไม่มีเงื่อนไข อีกทั้งไซเคิลดังกล่าวก็เป็นวงรอบเดิมในช่วงเทกตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงไม่มีอะไรน่ากลัวในสายตา VI ไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ข้างต้นคล้ายคลึงกับ ASEFA ซึ่งก่อนหน้านี้มีแต่คนสาดหุ้นออกมาเป็นระลอก แต่ก็มีฮึดสู้ในบางครั้งบางคราว ล่าสุดเด้งขึ้นมาปิดที่ 4.88 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่แฟนคลับต้องเล็งให้ดีเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้มีแพทเทิร์นขึ้น 1 วัน ลง 2 วัน จึงต้องดูกันว่า วันนี้จะล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จไหม? หากทำได้จะเป็นการกลับทิศอย่างชัดเจนนะคะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องยืดอกเม้าท์ถึง AJD เพื่อเร้าอารมณ์นักเล่นกลุ่มต่างๆ สักเล็กน้อย เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดยังบริเวณ 1.63 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่า 1.60 พันล้านบาท มันหมายถึงหุ้นได้ติดลมบนอย่างเต็มตัว จังหวะนี้ถึงมีแต่เหล่าผู้กล้ากระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง สงสัยเรื่องนี้จะเป็นหนังม้วนยาวที่มีซีรี่ย์ใหม่ๆ ออกมาให้ดูอีกนานเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ KAMART อาจเป็นหุ้นที่ทำให้แฟนคลับผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รอบนี้มาพร้อมกับตัวเลขกำไรเติบโตกว่า 40% ทุกอย่างเลยดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงซื้อถึงไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 11% ด้วยมูลค่า 111 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แถมเป็นการเด้งขึ้นวันแรกแบบนี้ วันนี้เล่นต่อชัวร์ป้าบ!
*ส่วนที่หมดรอบแล้วแน่ๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นร้อน PK ซึ่งอุบไต๋มาเป็นเวลานานพอสมควร พอเปิดหน้าไพ่ให้ดูเท่านั้นแหละ ช็อกตาตั้งกันเป็นทิวแถวเลยทีเดียว เพราะมันไม่มีอะไรที่ทำให้อยากถือหุ้นตัวนี้อีกต่อไป ยิ่งเห็นตัวเลขกำไรลด 60% ยิ่งต้องถอยห่างให้ไวที่สุด เพราะมูลค่าที่เหมาะสมที่เดี๊ยนคิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แค่ 4 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดปิดที่ 7.10 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 9.55% ด้วยมูลค่า 540 ล้านบาท ยังเหลือแก๊ปให้หุ้นลงอีกเยอะนะเนี่ย
*สำหรับหุ้นน้องใหม่ PIMO ยืนปิดที่ระดับ 2.50 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 92% ด้วยมูลค่า 2.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ชอบเล่นหุ้นเล็ก บวกกับหุ้นย่อตัวลงมาให้เล่นแบบนี้ด้วยแล้ว มันเป็นจังหวะที่เหมาะแก่การเข้าทำเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ถึงต้องติดตามดูให้ดีเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นช่องทางทำเงินช่องใหม่ก็ได้นะตัวเอง