AMATA บวกต่อ 6% นิวไฮรอบ 3 เดือน โบรกฯ แนะ “ถือ” คาดไตรมาส 3 ยอดขายที่ดินฟื้น

AMATA บวกต่อ 6% นิวไฮรอบ 3 เดือน โบรกฯ แนะ "ถือ" คาดไตรมาส 3 ยอดขายที่ดินฟื้น ล่าสุดอยู่ที่ 16.90 บาท บวก 1 บาท หรือ 6.29% มูลค่าซื้อขาย 249.36 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ล่าสุด ณ เวลา 10.26 น. อยู่ที่ 16.90 บาท บวก 1 บาท หรือ 6.29% สูงสุดที่ 17 บาท ต่ำสุดที่ 16.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 249.36 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 16.90 บาท เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2563

ทั้งนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ถือ” จากเดิม “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 16 บาท จากเดิมเป้าหมายที่ 10 บาท จากสถานการณ์ COVID-19 ทั้งในและประเทศกลุ่มลูกค้าหลักเช่น จีน ที่ดีขึ้น ซึ่งจะหนุนให้การซื้อขายที่ดินมีโอกาสกลับมาตั้งแต่ไตรมาส 3/63

โดยมีมุมมองเป็นกลางจากงาน Opportunity day เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากบริษัทรายงานยอด Presale ที่ 29 ไร่ QTD (2Q20E) หรือ 99 ไร่ YTD และยังคงเป้า Presale ปี 2563 ที่ 950 ไร่ (เราคาดที่ 250 ไร่) และ Backlog ปัจจุบันที่ 2,486 ล้านบาท คาด 60-80% จะโอนได้ภายในปี 2563

รวมทั้งจะมี Reverse ค่าใช้จ่ายภาษีที่ดินกลับมาประมาณ 12 ล้านบาทจากมาตรการลดภาษีที่ดิน 90% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 80-90 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งไปแล้วในไตรมาส 1/63 ที่ 20 ล้านบาท ดังนั้นจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 1.17 พันล้านบาท (ลดลง 38% เมื่อเทียบจากปีก่อน) จากยอด transfer ที่ลดลงอยู่ที่เพียง 288 ไร่ จากปีก่อน 867 ไร่

ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ Outperform SET +15% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจากปัญหา COVID-19 ที่คลี่คลาย และการทยอยคลาย lock down อย่างไรก็ตามแนะนำเพียง “ถือ” จากความเสี่ยงจากการขายที่ดินในนิคมเวียดนามที่ล่าช้า และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอถึงหดตัว ทำให้นักลงทุนเลื่อนหรือชะลอการลงทุน

ด้าน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ”  AMATA ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น คาด AMATA จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ลดลง 34% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการชะลอตัวของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 เชื่อว่าการโอนที่ดินและยอดขายจะลดลง อย่างไรก็ตามคาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาทในไตรมาส 2/2563

Back to top button