เต็มใจให้หลอก ?

*ดูเหมือนข่าวไวรัสมรณะแพร่ระบาดรอบสองในประเทศจีน กำลังสร้างความหวาดหวั่นมากกว่าการระบาดในอเมริกาและบราซิล จนทำให้ผู้คนมากมายมองภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะดิ่งหนักกว่าเดิม จนเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนพากันทิ้งหุ้นแบบไม่คิดชีวิต ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงเถือกอย่างรวดเร็ว และส่อแววจะไหลลงไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีกำหนดอีกด้วยแบบนี้..น้องโมกลัวจนขนหัวลุกเลยละค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนข่าวไวรัสมรณะแพร่ระบาดรอบสองในประเทศจีน กำลังสร้างความหวาดหวั่นมากกว่าการระบาดในอเมริกาและบราซิล จนทำให้ผู้คนมากมายมองภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะดิ่งหนักกว่าเดิม จนเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนพากันทิ้งหุ้นแบบไม่คิดชีวิต ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงเถือกอย่างรวดเร็ว และส่อแววจะไหลลงไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีกำหนดอีกด้วยแบบนี้..น้องโมกลัวจนขนหัวลุกเลยละค่ะ

*น่าเสียดายที่ “โมนิก้า” เป็นสาวสวยยุคใหม่ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า เลยแกล้งดัดจริตกลัวกับเขาไปอย่างนั้น เพราะเมื่อมองถึงแก่นแท้ของเรื่องราวดังกล่าวจะเห็นว่าทุกประเทศพยายามต่อสู้กับไวรัสมรณะอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาเข้มแข็ง เดี๊ยนถึงมองการสาดหุ้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง จนดัชนีหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,350 จุด น่าจะเป็นเพียงการทดสอบแรงขายนะตัวเอง

*เนื่องจากระหว่างทางที่หุ้นลงก็มีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นตลอดเวลา จนทำให้ดัชนีที่ลงไปต่ำเรียดดินบริเวณ 1,338 จุด วิ่งกลับขึ้นมาบริเวณ 1,350 จุด ก่อนจะโดนกดในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายลงมาปิดที่ 1,341.99 จุด ลบไป 40.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.33 หมื่นล้านบาท มันมีรายละเอียดที่ต้องเจาะลึกลงไปมากกว่าการดูด้วยตาเปล่า หลังทราบกันดีว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังใช้นโยบายพยุงเศรษฐกิจเพื่อรอเวลากลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งนะจ๊ะ

*นั่นหมายความว่า หากประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศได้อยู่หมัด พร้อมกับเข็นมาตรการหลายอย่างออกมาพยุงระบบเศรษฐกิจแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ก็จะทำให้ระบบหมุนเวียนเงินในประเทศคล่องตัวสูงขึ้น ผนวกกับจีนให้ความสำคัญการลงทุนทางตรงกับไทยมากขึ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องบวกมากว่าเรื่องลบ และจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีเสน่ห์มากขึ้น..ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ต้องไหลตามกระแสความกลัวไปก่อนเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับอาการที่เกิดขึ้นกับแบงก์สีเขียว KBANK โดนกระหน่ำขายหนักยิ่งกว่าซัมเมอร์เซล ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลเอ็นพีแอลจะปูดขึ้นมาอีกครั้ง ผนวกกับยังไม่เห็นทิศทางการฟื้นตัวของธุรกิจเอสเอ็มอี บรรดากองทุนเลยขายทิ้งแบบไม่ต้องรอขอชีวิต วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมานอนกลิ้งอยู่ที่ 98 บาท ลบไป 9.50 บาท หรือลงไป 8.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.52 พันล้นบาทไงล่ะคะ

*คล้ายกับเหตุการณ์ที่พานทองแท้ PTT กำลังเผชิญชะตากรรมในเวลานี้ ล้วนมาจากแรงกดดันราคาน้ำมันดิ่งหนักอีกรอบ ทำให้ผู้เล่นซุ้มต่าง ๆ ทิ้งหุ้นแบบไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย หุ้นถึงทรุดลงมาปิดที่ 36.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.70 พันล้านบาท เดี๊ยนบอกเลยว่ามีโอกาสเห็นหุ้นลงไปยืนแถว 33 บาทแน่ ๆ เพราะสถานการณ์มันไม่เอื้อจริง ๆ พะย่ะค่ะ

*ขนาดหุ้นบัตรเครดิต KTC มีสตอรี่รายได้เป็นแบ็กอัพ ก็ยังโดนขายแบบไม่เห็นหัวพี่หมอเลย “โมนิก้า” จึงต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ พร้อมกับมองการทรุดฮวบลงทีเดียวมาปิดที่ 33.50 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 7.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.71 พันล้านบาท กลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ เพราะดันหลุดแนวรับสำคัญหมดทุกเส้น จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนว่าไม่มีใครเอานะออเจ้า!

*ส่วนรายที่แรงแบบเหนือคาดหมาย แถมองค์ประกอบก็ไม่เอื้อให้เลย คงไม่มีใครเกินหน้าเกินตาไปกว่าอดีตหุ้นดาวร่วง CRANE จู่ ๆ ก็ถูกจุดพลุขึ้นมาเล่นใหม่ จนพุ่งขึ้นมาติดในกระดาน Most Volume ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 2.60 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 6.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติสำหรับหุ้นที่เคยได้ชื่อเป็นจอมปั่นฟรีคิก..อิอิอิ

*คล้ายกับกรณีของหุ้น STARK ถูกเจ้ามือรายใหญ่ “ลากขึ้น ลากลง” เป็นว่าเล่นในช่วงปีครึ่ง จนเดี๊ยนรู้สึกเอือมระอากับยุทธการบิลต์ข่าวกำไรเหลือเกิน เพราะสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งเจาะลงไปดูกำไรต่อหุ้นไตรมาส 1 ทำได้แค่ 0.01 บาท ต่อจากนั้นนำมาเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน “โมนิก้า” มองไม่ออกว่าเฮียจะเบ่งกำไรต่อหุ้นให้ขึ้นไปถึง 0.10 บาทได้อย่างไร ? ผสานกับราคาหุ้นในกระดานขึ้นมาปิดที่ 2.16 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 230 ล้านบาท ท่ามกลาง P/E 86 เท่า..แพงเว่อร์ไปไหมล่ะคุณพี่!

Back to top button