‘ระลอกสอง’ มาตามนัด

ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ได้เป็นสาเหตุสำคัญให้ตลาดหุ้นดิ่งพสุธามาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และปรับตัวลงต่อมาจนถึงสัปดาห์นี้  แต่เมื่อดูจากข้อมูลการติดเชื้อใหม่ทั่วโลกก็พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมตลาดจึงตื่นตระหนกเช่นนั้น


พลวัตปี 2020 : ฐปนี แก้วแดง (แทน)

ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ได้เป็นสาเหตุสำคัญให้ตลาดหุ้นดิ่งพสุธามาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และปรับตัวลงต่อมาจนถึงสัปดาห์นี้  แต่เมื่อดูจากข้อมูลการติดเชื้อใหม่ทั่วโลกก็พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมตลาดจึงตื่นตระหนกเช่นนั้น

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกิ้นส์จนถึงวันอังคารที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านคนแล้วและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 436,306 คน โดยสหรัฐฯ ยังคงครองอันดับหนึ่ง มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 116,135 คน

แต่ที่น่าตกใจมากคืออินเดีย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสี่ของโลก มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมากว่า 332,000 คน  จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่วันมานี้แม้ว่าได้มีการขยายเวลาล็อกดาวน์  มีการพูดกันในขณะนี้ว่า ในกรุงเดลีมีเตียงไม่พอรับผู้ป่วยแล้วและมีการคาดการณ์ว่า หลังจากคลายล็อกดาวน์แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้ออาจพุ่งถึง 800,000 คนในเวลาเดือนเดียว

ส่วนในประเทศจีน มีรายงานการติดเชื้อใหม่เป็นกลุ่มก้อนถึง 49 คนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี 36 คนอยู่ในปักกิ่ง  การระบาดในปักกิ่งเริ่มมาจากตลาดขายส่งอาหาร “ซินฟาตี้” ซึ่งแหล่งผลผลิตทางการเกษตรของกรุงปักกิ่งที่มาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศถึง 80%

การติดเชื้อใหม่ 36 คนในวันที่ 14 มิถุนายน เป็นตัวเลขการติดเชื้อที่เท่ากับวันก่อนหน้าและถือว่าเป็นการติดเชื้อต่อวันที่สูงสุดของกรุงปักกิ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม และในเวลาเพียง 4 วันมีรายงานการติดเชื้อขณะนี้ 79 คน ซึ่งถือว่าเป็นการติดเชื้อที่หนาแน่นที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

ข้อมูลเพียงแค่สามประเทศยืนยันได้อย่างดีว่า การระบาดระลอกสองได้เริ่มขึ้นแล้ว  สาเหตุสำคัญที่การระบาดกลับมาใหม่เพราะว่า หลังจากที่คลายล็อกดาวน์ คนจำนวนมากเริ่มไม่เว้นระยะทางสังคมและไม่สวมหน้ากากอนามัย ในขณะเดียวกันมีการรวมตัวของมวลชนมากขึ้น เช่นเริ่มมีกิจกรรมทางศาสนาที่มีคนจำนวนมากไปเข้าร่วม

ท่ามกลางความกลัวที่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง มีความสงสัยว่าการระบาดระลอกสองจะรุนแรงขนาดไหน และจะต้องชัตดาวน์กันอีกหรือไม่

เสียงจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่าง ๆ ส่วนใหญ่ออกมาในทำนองเดียวกันว่า จะไม่ปิดเศรษฐกิจอย่างรุนแรงเหมือนมาตรการระลอกแรก

จากการวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ มีความเป็นไปได้มากที่การติดเชื้อระลอกสองจะเกิดขึ้นภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่เชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้และจะส่งผลให้มีการเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ และการล็อกดาวน์จะไม่ทำแบบเหมารวมและไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้

ส่วนในมุมมองของแพทย์อย่าง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล การระบาดระลอก 2  คาดว่าจะมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากกว่าการระบาดรอบแรก โดยถ้า 1 วันมีคนติดเชื้อ 100 คน มันกระจายไปกำลังสอง ไม่ใช่คูณสอง

นายแพทย์ประสิทธิ์ยังบอกให้ทำใจไว้เลยโดยให้คำนวณคร่าว ๆ ว่าใน 18-24 เดือน จะเจอคนที่มีติดโควิด-19 เหมือนไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งคราว และมันจะอยู่กับเราอีกระยะหนึ่ง มันจะหายไปก็ต่อเมื่อมีวัคซีนออกมา

มีเสียงเรียกร้องว่า รัฐบาล ธุรกิจและผู้นำศาสนาจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมหน้ากากอนามัยมีความสำคัญมาก ทางการจะต้องชักจูงและให้การศึกษาแก่ชาวบ้านเพื่อทำให้การสวมหน้ากากเป็น “บรรทัดฐานทางสังคม” (Social norm)

แม้ว่า ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่มา 20 กว่าวันแล้ว แต่ยังไม่ได้หมายความว่า การระบาดรอบสองจะไม่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้เปิดเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เมื่อเปิดเศรษฐกิจเต็มตัวแล้ว หากเราทุกคนร่วมมือกันสวมหน้ากากและเว้นระยะทางสังคม  น่าจะสร้างความก้าวหน้าในการยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกสองได้  แต่หากทำในทางตรงข้าม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ระบบดูแลทางการแพทย์จะตึงเครียดมาก

สองสามเดือนที่มีการล็อกดาวน์  เราได้รับรู้กันแล้วว่ามันสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแค่ไหน  มีคนตกงานหลายล้านคน  ธุรกิจต้องล้มละลายเป็นจำนวนมาก และนั่นยังไม่นับรวมถึงผลกระทบทางสังคมที่ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้

ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราจะต้องช่วยกันเตือนตัวเองว่าอย่าให้ “การ์ดตก”  เพราะเรื่องร้าย ๆ มักจะมาในช่วงที่เรา “เผลอ” หรือ “อิ่มเอมใจ” เสมอ

Back to top button