MVP คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้น ลุยจัด “Mobile Expo” ก.ค.นี้ มั่นใจปีนี้ล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง
MVP คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้น ลุยจัด "Mobile Expo" ก.ค.นี้ มั่นใจปีนี้ล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง
นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะล้างขาดทุนสะสมที่เหลือราว 20 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/63 ให้หมดในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทที่จะเทิร์นอะราวด์ในปี 63 แม้ว่าในครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การจัดบางกิจกรรมในช่วงไตรมาส 2/63 ต้องเลื่อนออกไป แต่หลังจากปัจจุบันภาครัฐได้คลายล็อกดาวน์มาถึงเฟส 4 แล้ว ทำให้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมได้อีกครั้ง แม้จะมีข้อจำกัดของการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็ตาม แต่บริษัทได้เตรียมรูปแบบการจัดงานแบบใหม่ควบคู่ไปกับช่องทางออนไลน์เข้ามาเสริม เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 และเข้าถึงกลุ่มประชาชนที่ยังกังวลการติดเชื้อ พร้อมสามารถเข้าถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกเดินทางมาร่วมงานได้
สำหรับแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการกลับมาเติบโตที่โดดเด่น หลังจากช่วงครึ่งปีแรกอาจจะชะลอตัวลงไป เนื่องจากทั้งในไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63 บริษัทจะเดินหน้าจัดงานอีเว้นท์อย่างต่อเนื่อง ประเดิมงานแรก เป็นงานประจำปีของ MVP คือ Thailand Mobile Expo 2020 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 ก.ค.63 ที่ไบเทค บางนา ซึ่งจะจัดควบคู่ไปกับช่องทางการขายออนไลน์บน Shopee และ Lazada เป็นครั้งแรก
“เป็นการเริ่มทดลองการจัดงานแบบออนไลน์ที่ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 เกิดขึ้น โดยถ้างาน Thailand Mobile Expo ในช่วงปลายปีไม่สามารถจัดได้ การจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์จะเข้ามาช่วยเสริมแทนหากมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นได้อีก”นายโอภาส กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่าการจัดการ Thailand Mobile Expo 2020 ในครั้งนี้อาจจะมีรายได้ลดลงราว 50% หรือเหลือเพียง 20 ล้านบาท จากปกติที่อยู่ในระดับ 40 ล้านบาท เนื่องจากต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่าง (Social Distance) ส่งผลให้พื้นที่ขายบูธลดลงไป 30% อีกทั้งบริษัทยังให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือและสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนยอดเงินสะพัดในการจัดงาน Thailand Mobile Expo 2020 ในครั้งนี้คาดว่าจะใกล้เคียงเดิมราว 2-3 พันล้านบาท
“ยังมองว่าผู้เข้าชมงาน Thailand Mobile Expo 2020 ต้นเดือน ก.ค.นี้ยังค่อนข้างมาก เพราะพฤติกรรมของคนยังคงชอบการเดินชมงานกิจกรรม และได้เห็นสินค้าจริง จะเห็นได้จากคนไปต่อแถวรอซื้อที่ห้างเอาท์เลทใหม่แห่งหนึ่งเปิดใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให่เห็นว่าพฤติกรรมของคนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และการซื้อโทรศัพท์มือถือในห้างยังมีคนซื้ออยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าครจะเข้ามาในงานมาก และทำให้เราต้องรีบจัดงานขึ้น”นายโอภาส กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดงานอื่นๆอีกในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น การจัดงานประชุมแบบ Visual Conferrence ที่คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาราว 5 ล้านบาท และการจัดงาน 10K Thailand Visual Run ที่คาดว่าจะมีรายได้เข้ามา 4 ล้านบาท รวมไปถึงการจัดงานของภาครัฐที่บริษัทประมูลได้มา ซึ่งหลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์มาอย่างต่อเนื่องภาครัฐได้เริ่มกลับมากระตุ้นการท่องเที่ยวให้ฟื้นขึ้น และยังมีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นหากมีการเปิดการท่องเที่ยวในรูปแบบ Travel Bubble จึงหวังว่างานท่องเที่ยวของภาครัฐที่เลื่อนออกไปจะกลับมาจัดได้ในครึ่งปีหลังนี้ โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ราว 100 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน จากกระแสการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศหลังเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ เป็นโอกาสที่บริษัทเดินหน้าเพิ่มรถคาราวานตามแผนที่วางไว้สิ้นปี 200 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 117 คัน โดยจะกระจายรถคาราวานไปตามแหล่งท่องเที่ยวริมชายหาดมากขึ้น เช่น พัทยา เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักอาศัยริมทะเลและต้องการประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ซึ่งได้อัตราเช่าที่ดีกว่าทำเลบนภูเขา จึงเป็นโอกาสของบริษัทในการขยายฐานรายได้ของรถคาราวาน พร้อมร่วมกับพันธมิตร EUREKA เพิ่มฟังก์ชั่นรถคาราวานด้านไลฟ์สไตล์ด้านการพักผ่อน เช่น การดูหนังริมทะเล นั่งทานกาแฟ เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ยังจะขยายการให้บริการไปในกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการภาคธุรกิจ เช่น ธุรกิจอาหาร โดยร่วมกับ Peguin Eat Shabu ทำร้านชาบูเคลื่อนที่ ทำให้สามารถขยายสาขาไปได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ได้หลากหลาย, ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ร่วมกับ JMART พัฒนาบริการซ่อมโทรศัพท์เคลื่อนที่ และในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนกับผู้ประกอบการในธุรกิจโทรศัพท์มือถืออีกรายหนึ่งในการใช้รถคาราวานเป็น Brand Shop เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากสาขาในศูนย์การค้าเพียงอย่างเดียว และทำให้เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เล็กๆ ได้มากขึ้น
ส่วนธุรกิจรถคาราวานของบริษัทตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมาถือว่าเห็นการเติบโตขึ้นอย่างมาก และมีอัตราการใช้เกือบ 100% ทำให้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ายังเห็นการเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 334 ล้านบาทอย่างแน่นอน จากการฟื้นตัวกลับมาเดินหน้าจัดงานต่างๆ ได้ในครึ่งปีหลังนี้เป็นปัจจัยหนุน หลังจากมีการคลายล็อกดาวน์มาต่อเนื่อง