PDG กำไรดี

อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกในประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และยังจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อการบริโภคของประชาชนในประเทศ ซึ่งมีทิศทางการขยายตัวไปในทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผลพวงดังกล่าวส่งผลดีต่อ PDG


ความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างการใช้ชีวิตในเมืองที่ค่อนข้างเร่งรีบ ประกอบกับการใช้ชีวิตของคนต่างจังหวัดเริ่มมีวิถีชีวิตแบบคนเมืองมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารและการใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบอื่นๆ เช่น ขวดแก้ว

อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกในประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และยังจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อการบริโภคของประชาชนในประเทศ ซึ่งมีทิศทางการขยายตัวไปในทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ผลพวงดังกล่าวส่งผลดีต่อ บริษัท พรอดดิจิ จำกัด (มหาชน) หรือ PDG ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทขวด Polyethylene Terephthalate (ขวด PET) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ตามลักษณะการนำขวด PET ไปใช้งาน ได้แก่ 1)กลุ่มบรรจุภัณฑ์ขวด PET สำหรับน้ำผลไม้บรรจุขวด 2)กลุ่มผลิตภัณฑ์ขวด PET สำหรับน้ำมันพืช 3)กลุ่มผลิตภัณฑ์ขวด PET สำหรับน้ำดื่มบรรจุขวด และ 4)กลุ่มผลิตภัณฑ์ขวด PET สำหรับน้ำปลาและเครื่องปรุงรส

ถึงไม่แปลกที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ยังคงสร้างผลงานได้อย่างสวยหรู โดยบริษัทมีรายได้รวม 179.58 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 165.75 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 19.16 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 13.60 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 362.91 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 348.72 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 45.67 ล้านบาท หรือ 0.17 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 29.85 ล้านบาท หรือ 0.15 บาทต่อหุ้น ผลกำไรในปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ประกอบกับฐานะทางการเงินของ PDG ค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะมีสินทรัพย์หมุนเวียนสูงถึง  362.65 ล้านบาท แต่มีหนี้สินหมุนเวียนแค่ 142.17 ล้านบาท เมื่อวิเคราะห์ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 2.55 เท่า แสดงว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังมากและเมื่อเปรียบเทียบฐานทุนมีความแข็งแกร่งเพียงใด โดยนำเอาหนี้สินรวมที่มีอยู่ที่ 179.20 ล้านบาทมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 511.72 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.35 เท่า ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าหนี้สินไม่ได้มารบกวนการดำเนินงานของบริษัท

ด้วยหุ้นที่มีพื้นฐานดี รวมถึงผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายต้องกลายเป็นหุ้นที่วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง

ดังนั้น PDG เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม!!

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) 86,000,000 หุ้น 31.85%

2.บริษัท น้ำมันบริโภคไทย จำกัด 30,000,000 หุ้น 11.11%

3.นายวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ 12,000,000 หุ้น 4.44%

4.บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด 6,460,000 หุ้น 2.39%

5.นายคุณา วิทยฐานกรณ์ 6,100,000 หุ้น  2.26%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นายประยูร บุญประเสริฐ ประธานกรรมการ

2.นายธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการผู้จัดการ

3.นายธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการ

4.นายวัชร วิทยฐานกรณ์ กรรมการ

5.นายวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ กรรมการ

Back to top button