KTC เจอเฮอร์ริเคนศก.

ธุรกิจของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ถูกออกแบบมาให้ผูกติดกับสินเชื่อบัตรเครดิตเกือบ 100% ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนไม่มากนัก


สำนักข่าวรัชดา

ธุรกิจของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ถูกออกแบบมาให้ผูกติดกับสินเชื่อบัตรเครดิตเกือบ 100% ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนไม่มากนัก

ที่ผ่านมา KTC จะเติบโตจาก 2 อย่าง คือ จำนวนบัตรใหม่ และยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง

แต่ระยะหลังมาจำนวนผู้ใช้บัตรใหม่โตถดถอยลง อาจเป็นเพราะแต่ละแบงก์หันมาชิงเค้กก้อนนี้เยอะขึ้น ทำให้มาร์เก็ตแชร์ของ KTC หายไป…ในขณะเดียวกัน ในแง่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรก็ไม่เยอะเหมือนเก่า

ดูได้จาก ณ สิ้นไตรมาสแรก พอร์ตลูกหนี้รวมอยู่ที่ 3.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5.6% แบ่งเป็นลูกหนี้บัตรเครดิต 2.59 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 10.4% และลูกค้าสินเชื่อ 9.26 แสนบัญชี ลดลง 6.0% โดยปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 2.2%

ตอกย้ำว่า อัตราการเติบโตของตัวเลขต่าง ๆ เริ่มไม่ร้อนแรงเหมือนก่อนซะแล้ว…

KTC ก็เห็นถึงปัญหานี้ เลยแสวงหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และ ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้ชื่อ KTC พี่เบิ้ม” เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ ชดเชยส่วนที่หายไป

แต่ 3 ธุรกิจใหม่ยังไม่ทันผลิดอกออกผลให้เก็บเกี่ยว…ก็บังเอิ๊ญบังเอิญมาเจอโควิดออกอาละวาดซะก่อน ความคาดหวังที่จะโตจากธุรกิจนอนบัตรเครดิต (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) จึงดูมืดมน ช่วงที่ผ่านมาไม่เห็นธุรกรรมที่ชัดเจน…

ไม่เท่านั้น มาเจอเกณฑ์แบงก์ชาติที่กำหนดกรอบเพดานดอกเบี้ยใหม่เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 ส.ค.นี้ ซ้ำเติมอีก…

โดยสินเชื่อบัตรเครดิตจากเดิมคิด 18% เหลือ 16% ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บัตรกดเงินสดปรับลดเพดานดอกเบี้ยจาก 28% เหลือ 25%…ซึ่งที่ผ่านมา KTC จัดเก็บเต็มเพดาน 100% อยู่แล้ว

พอลดเพดานดอกเบี้ยลงปุ๊บ…แน่นอนว่า KTC เดือดร้อนปั๊บ ดอกเบี้ยที่ควรได้ก็จะลดลงตามจำนวนเพดาน

ขณะเดียวกัน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถก็ถูกจำกัดเหมือนกัน…โดยลดเพดานดอกเบี้ยจาก 28% เป็น 24%

นี่ไม่นับรวมเกณฑ์ยืดหนี้ การผ่อนชำระขั้นต่ำ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เก็บหนี้ได้ช้าลง…

เท่ากับว่า KTC เจอแจ็คพอตหลายเด้งเลยทีเดียว…

ไม่ต่างจากพายุเฮอร์ริเคนที่พัดถล่ม KTC จัง ๆ..!! ดูแล้วน่าเป็นห่วงจริง ๆ

ทำให้ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนพร้อมใจกันเทหุ้น KTC เพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ราคาดิ่งเหวปรับลดลงกว่า 20%

นักวิเคราะห์หลายสำนักจึงพร้อมใจกันปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้ลง 5-7%

สงสัยมือดีอย่างหมอระเฑียร ศรีมงคล ก็คงเอาไม่อยู่แล้วละมั้ง..!!

จะว่าไปก็น่าเสียดาย…ถ้า KTC จากเดิมโตร้อนแรงด้วยเลขสองหลักมาตลอด…ต่อไปต้องโตด้วยเลขหลักเดียว คงทำให้เสน่ห์ของหุ้นตัวนี้หายไปเยอะ และหลุดทำเนียบหุ้น Growth Stock (หุ้นเติบโต) แน่ ๆ

ทำไงดีละคะคุณหมอ…!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button