ตาถึง..ก็เจอของดี!
*หากมองโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนเลือกระหว่าง “เคาะซ้าย” กับ “เคาะขวา” ไม่ถูกนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของ “อารมณ์” มาก่อน “เหตุผล” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นกำลังรอคอยข่าวดี จึงอยากให้แฟนคลับเพิ่มความละเอียดในการเลือกหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาของการใช้ “ความไว” ผสมผสานกับ “กึ๋น” ของนักเล่นพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากมองโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนเลือกระหว่าง “เคาะซ้าย” กับ “เคาะขวา” ไม่ถูกนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของ “อารมณ์” มาก่อน “เหตุผล” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นกำลังรอคอยข่าวดี จึงอยากให้แฟนคลับเพิ่มความละเอียดในการเลือกหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาของการใช้ “ความไว” ผสมผสานกับ “กึ๋น” ของนักเล่นพะยะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องถามความรู้สึกของ “โมนิก้า” ที่มีต่อการแกว่งตัวไปมาของดัชนี เพราะมันไม่น่ากลัวเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเรื่องราวฝั่งอเมริกา หลังดัชนีดาวโจนส์ขึ้นแรงท่ามกลางวิกฤติไวรัสยังปกคลุมทั้งประเทศ มันเป็นเรื่องราวที่ไม่อาจบอกเล่าด้วยคำบรรยาย ผสานกับมีดราม่าที่เกี่ยวข้องกับ “ลิงเก็บมะพร้าว” ของนักการเมืองพรรค ก้าวไปไกล..teen จึงทำให้เดี๊ยนสังเวชใจกับพรรคเฮงซวยพรรคนี้เจ้าค่ะ
*เนื่องจากคนทำธุรกิจส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับเรื่องการเมืองสกปรกชั้นต่ำ แต่เที่ยวนี้กลายเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่เผาธุรกิจไทยเพื่อหวังผลทางการเมืองเสียอย่างนั้น รวมทั้งไม่เข้าใจวิถีชาวบ้านที่เป็นมาตั้งแต่สมัยก่อน ชาวบ้านชาวช่องถึงก่นด่าพรรคส้มจี๊ดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ขณะที่หัวหน้าคณะสามช่าอย่าง “น้องทอน” กลับเงียบเป็นปากอมสากแบบนี้..มันหมายความว่า “รับแต่ดี ชั่วให้คนอื่น”..ใช่ไหมเอ่ย ?
*ย้อนกลับมาดูการแกว่งตัวของตลาดหุ้นไทย ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ 1,362.46 จุด ลบไป 10.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.62 หมื่นล้านบาท มันไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของหุ้นบางตัวลดลงแต่อย่างใด และประเด็นนี้สังเกตได้จากหุ้นที่สามารถสวนกระแสความผันผวนได้เป็นเวลานาน ย่อมเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักเล่นควรนึกถึง หลังผ่านกระบวนการทดสอบแรงขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วไงล่ะคะ
*เหมือนกับในรายของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในยามนี้ และเหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนสนใจมากเป็นพิเศษมาจากบุ๊กแวลูที่อยู่สูงในระดับ 116 บาท ผสานกับการบริหารจัดการลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ “โมนิก้า” เลยมองการย่ำฐานร่วมสองสัปดาห์ที่บริเวณ 72 บาท คือโอกาสของการเล่นรอบใหม่ รวมทั้งการขึ้นมาปิดที่ 73 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท มันหมายถึงแรงซื้อเข้าแล้วนะจ๊ะ
*คล้ายกับการขึ้นต่อเนื่องของหุ้น JMART ก็กลายเป็นที่เม้าท์ถึงในหมู่นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ และตัวแปรที่ทำให้หุ้นวิ่งแบบแรลลี่มาจากบริษัทลูกทำผลงานสุดปัง รวมทั้งแพ็กเกจของขวัญชุดใหญ่ที่จัดให้แฟนพันธุ์แท้ (ให้หุ้นฟรี จ่ายปันผล แจกวอร์แรนต์) บวกกับการรุกคืบเข้าไปยังธุรกิจปล่อยสินเชื่อ จึงทำให้ทุกคนเชื่อว่ากำไรหลังจากนี้จะสะแด่วแห้วกว่าเดิม เดี๊ยนถึงมองการปิดที่ 11.70 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ CKP สามารถยืนต้านแรงขายได้ตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายปิดไปที่ระดับ 4.82 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 285 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทำให้หุ้นมีเสน่ห์ขึ้นมาเป็นกอง และกลายเป็นที่สนใจของแมงเม่าขึ้นมาอีกครั้ง เดี๊ยนจึงต้องหยิบยกขึ้นมาเม้าท์มากหน่อย เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ไงล่ะคะ
*ในเมื่อต้องการดูหุ้นที่แตกต่างกับคนอื่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องหันไปดูหุ้นกระเบื้อง DCC เพื่อถอดสตอรี่ผลงานหลังจากนี้แจ่มแมวขนาดไหน ? เพราะแค่ผลงานไตรมาส 1 ปี 2563 ก็ปาไปครึ่งหนึ่งของผลงานทั้งปี 2562 เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 2.38 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 173 ล้านบาท เพราะองค์ประกอบมันเอื้อให้เหลือเกินพะยะค่ะ
*ส่วนแมงเม่าประเภท “เบี้ยน้อย หอยน้อย” กำลังมองหาหุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว “โมนิก้า” ขอให้ชำเลืองตาไปมองหุ้น AIE เพื่อเปิดไว้เป็นออปชันสำหรับการลงทุนยาว ๆ เพราะเมื่อมองเรื่องการล้างขาดทุนสะสมเป็นตัวเดินเกมสำคัญ ก็ทำให้เชื่อว่าผลงานปีนี้น่าจะสุดจัดปลัดบอก ถึงเร่งล้างบ้านรอปาร์ตี้ชุดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองการขึ้นมาปิดที่ 0.69 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40 ล้านบาท ใช่ทางเลือกที่โดนใจอ๊ะป่าว!