JMART ปรับลดเป้ารายได้-กำไรปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อน หลังเศรษฐกิจชะลอ
JMART คาดผลการดำเนินงาน Q3/58 จะดีกว่า Q2/58 ปรับลดเป้ารายได้-กำไรปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมคาดกำไร-รายได้โต 15% หลังเศรษฐกิจชะลอส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค คาดได้เห็นความร่วมมือกับ SINGER ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 59
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ากำไรและรายได้ปีนี้เหลือใกล้เคียงกับปีก่อนจากประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรและรายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 350 ล้านบาท และมีรายได้ 9.28 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค สะท้อนไปยังผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ยอดขายลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 จะดีกว่าไตรมาส 2/58 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เพราะในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีค่ายโทรศัพท์มือถือเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ อาทิ Iphone 6S คาดว่าจากการออกสินค้าใหม่ๆ สู่วงการไอทีจะช่วยกรุต้นตลาด และสนับสนุนยอดขายให้เติบโตมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ บริษัทยังจะปิดสาขาที่มียอดขายไม่คุ้มต้นทุนจำนวน 16 สาขา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินตามแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม โดยปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่จำนวน 14 แห่ง ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 30 ล้านบาท โดยปัจจุบันเปิดแล้ว 7 แห่ง ทำให้คาดว่าสิ้นปีจะมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 250 สาขา
สำหรับบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตสูง โดยเฉพาะธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT เพราะปัจจุบันภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ทำให้สถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ ขายหนี้ออกมามากขึ้น ซึ่ง JMT ได้เข้าไปซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจพื้นที่เช่าของบมจ.เจ เอ เอส แอสเซ็ท (JAS ASSET) ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังคาดจะได้เห็นความร่วมมือกับบริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 59 เป็นต้นไป ภายหลังก่อนหน้านี้ JMART ได้เข้าไปซื้อหุ้นของ SINGER ในสัดส่วน 24.99% โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างทยอยเพิ่มช่องทางการขายโทรศัพท์มือถือในโชว์รูมของ SINGER ประมาณ 50 สาขาในช่วงครึ่งปีหลัง และตั้งเป้าเพิ่มยอดขายได้อีก 1,000 ล้านบาทภายในปี 59
ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหุ้นเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง แต่สัดส่วนกำไรคงไม่มากจนมีนัยสำคัญมากนัก โดยคาดกว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2-3 ปี ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการ หรือ ร่วมทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจ รวมไปถึงยังคาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ JMART GROUP ในระยะยาวด้วย
ด้านนางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ เอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำ JAS ASSET เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในต้นเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจใหม่ ในโครงการคอมมูนิตตี้ The JAS หรือ ศูนย์การค้าชุมชนอีก 1 โครงการ จากปัจจุบันมีโครงการคอมมูนิตตี้แล้ว 2 โครงการ คือ สาขาวังหิน และลาดปลาเค้า ส่วนเงินระดมทุนที่เหลือจะใช้ในการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ที่เป็นเงินกู้เก่า
อนึ่ง JAS ASSET เป็นบริษัทย่อยของ JMART ที่ดำเนินธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์รวมจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรูปแบบ IT Junction และมีการดำเนินธุรกิจตลาด J Martket และทำโครงการ The JAS Community Mall