“ศบค.” เผย 1 ใน 3 ผู้ป่วย “โควิด” ใหม่ เป็นทหารอียิปต์ เร่งติดตามอาการผู้สัมผัสใกล้ชิด!
"ศบค."เผย 1 ใน 3 ผู้ป่วย "โควิด" รายใหม่ เป็นทหารอียิปต์ เร่งติดตามอาการผู้สัมใกล้ชิด!
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 13 ก.ค.63 เมื่อเวลา 11:30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยระบุว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมยืนยัน เพิ่มขึ้นเป็น 3,220 ราย รักษาหายเพิ่ม 2 ราย รักษาหายแล้ว 3,090 ราย ยังรักษาอยู่ 72 ราย ไม่มีผู้สียชีวิต ยอดเสียชีวิตรวม คงที่ 58
สำหรับผู้ป่วยใหม่ รายแรก เป็นชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางกลับจากคูเวตถึงไทย เมื่อวันที่ 29มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี เดินทางจากบาห์เรนถึงไทย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI คือ มีไข้ จึงส่งตรวจหาเชื้อในวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ
รายที่ 3 เป็นชาวอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหารเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจในไทยวันที่ 8 พ.ค.โดยเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง จ.ระยอง จากนั้นวันที่ 9 ก.ค.เดินทางออกจากโรงแรมบินไปปฏิบัติภารกิจทางทหารในประเทศจีนและกลับมาวันเดียวกันแล้วเข้าพักในโรงแรมแห่งเดิมใน จ.ระยอง ผลตรวจพบเชื้อในวันที่ 10 ก.ค.
ส่วนลูกเรืออีก 30 รายยังตรวจไม่พบเชื้อ ตรวจซ้ำในวันที่ 11 ก.ค.จากนั้นเดินทางกลับไปยังอียิปต์ แต่ผลตรวจออกมาในวันที่ 12 ก.ค.ยืนยันการติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ในแนวทางการสอบสวนโรคแม้ว่าทหารรายนี้จะเดินทางเข้ามาในลักษณะของลูกเรือ ซึ่งถ้าจำได้แนวปฏิบัติในข้อกำหนดตามมาตรา 9 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ที่ประกาศออกมาว่ามี 11 กลุ่มที่เป็นลูกเรือที่ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาประเทศตามภารกิจหรือมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจน
กลุ่มพวกนี้เดินทางเข้ามาได้มีที่พักให้เดิมเป็นโรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่ปรากฏว่าทหารชุดนี้เดินทางเข้ามาวันที่ 6 ก.ค.จากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 7 ก.ค.เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปปากีสถาน วันที่ 8 ก.ค.เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.ระยอง วันที่ 9 ก.ค. ออกจากโรงแรมไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อไปทำภารกิจทางทหารที่เมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วเดินทางกลับมาในวันเดียวกันและเข้าพักที่โรงแรมเดิมในจ.ระยอง
ต่อมาเช้าวันที่ 10 ก.ค.มีการตรวจคัดกรองทั้งคณะเดินทางและลูกเรือ เก็บตัวอย่างส่งตรวจจำนวน 31 ราย วันที่ 11 ก.ค.เวลา 11.30 น.คณะเดินทางออกจากประเทศไทยกลับอียิปต์ ซึ่งในวันนั้นผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำอีกครั้ง ผลมาออกวันที่ 12 ก.ค.
ดังนั้น โรงแรมที่ระยองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สัมผัสกับผู้พบเชื้อ เพราะฉะนั้นมาตรการสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด
นอกจากนั้นในระหว่างที่สอบสวนโรค พบว่า ทีมลูกเรือนี้ได้ออกจากโรงแรมไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง ทำให้ฝ่ายสอบสวนโรคจะต้องสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป เช่น ห้างสรรพสินค้าบางแห่งใน จ.ระยอง
“ณ ตอนนี้ถ้าประชาชนคนใดเข้าใจว่ามีความเสี่ยงหรือเป็นผู้สัมผัสขอให้โทรเข้ามาที่ 1422 ซึ่งจะทำให้เราปฏิบัติงานและเข้าใจในมาตรการควบคุมโรคได้ดีขึ้น และทำให้ต้องมีการทบทวนและปฏิบัติในเรื่องของมาตรการกันใหม่”
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงกรณีของเด็กหญิงอายุ 9 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาพร้อมครอบครัวของคณะทูต พบว่า วันที่ 7 ก.ค.มารดานำผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คนไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่ รพ.แห่งหนึ่งที่ซูดาน ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ และผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คน เดินทางมาถึงไทยเวลา 05.40 น. วันที่ 10 ก.ค. ผลคัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวส่งตรวจ ผลพบเชื้อ
แต่บิดานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. มีการตรวจซ้ำและพบเชื้อ แต่ได้นำสมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักที่คอนโดแห่งหนึ่งใน กทม. วันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจ แพทย์พบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่ รพ.แห่งหนึ่ง
สำหรับกรณีรายนี้ซึ่งเป็นบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงต้องเข้ารับการกักกันของต้นสังกัด 14 วัน
ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรคจะต้องไปสอบสวนโรคในพื้นที่คอนโดฯ แห่งนี้ ซึ่งขอให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้าใจ และให้ความร่วมมือ แต่ไม่ต้องตกใจเพราะผู้ป่วยรายนี้อาการน้อยมากๆ และการมาไทยเป็นระยะเวลาสั้นๆ
“คงไม่ไปกล่าวโทษ เนื่องจากเข้ามาในช่วงที่มีการอนุญาตทุกอย่าง ตนในฐานะโฆษก ศบค.ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด ละเลย หรือตั้งใจกระทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่เป็นจุดที่เราต้องเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อต่อเป็นรายละเอียดปลีกย่อย หลากหลายมากมาย ก็ต้องเรียนรู้และค่อยๆ ทำร่วมกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเสียหายอะไรที่เป็นประเด็น แต่ถ้าสามารถควบคุมโรคได้และปิดจุดอ่อนและนำให้เกิดระเบียบปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นไป…ในเมื่อเป็นความเสี่ยงเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องมากำหนดมาตรการที่ครอบคลุมกว่านี้ ต้องเรียนรู้ไปร่วมกัน เพราะโรคนี้เป็นโรคใหม่ เมื่อพบปัญหาแบบนี้ก็ต้องละเอียดกันยิ่งขึ้น”
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ศบค.ได้พูดคุยกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ทำความเข้าใจสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือ เพื่อทำให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้น เรียนรู้ไปด้วยกันว่าต้องเป็นแบบนี้
ทั้งนี้ โฆษก ศบค. กล่าวตอบข้อซักถามถึงกรณีของเด็กอายุ 9 ขวบ และลูกเรือ ลงเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา แล้วเดินทางไประยองทำไมถึงไม่กักตัวนั้นถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่เกิดขึ้น เด็กหญิงที่มากับครอบครัวคณะทูต ซึ่งได้ให้สถานทูตเป็นต้นสังกัดในการกักกัน ซึ่งเราเชื่อใจและให้เกียรติ แต่เมื่อพบว่าสถานที่พำนักกลายเป็นคอนโดฯ จึงต้องมีการกำชับและขอให้ร่วมกันรับผิดชอบ และมีมาตรการมากขึ้น
โดยมื่อเช้านี้ในที่ประชุม ศบค.ได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศได้ทำความเข้าใจกับสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือในการทำให้เกิดความเรียบร้อยมากกว่านี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรียนรู้ไปด้วยกัน และเข้าใจตรงกันว่าจะต้องเป็นแบบนี้ 14 วันนี้จะต้องอยู่ในสถานที่ของท่านจริงๆ ไม่ต้องออกมา
“ข่าวนี้ เป็นเรื่องที่ดีที่ขอให้ประชาชนรับทราบว่ามันใกล้ตัวเรามาก การจะเกิดติดเชื้อระลอก 2 มันเริ่มใกล้เข้ามาแล้วขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี เพื่อจะได้ปลอดโรคปลอดภัยไปนานาเท่านาน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนกรณีคนต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ถ้าเข้ามาถ้าตรวจพบก็จะผลักดันออกไป ดังนั้นขอความร่วมมือจากประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาถ้าพบคนไม่คุ้นหน้าให้ช่วยกันดูแลด้วย