“นายกฯ” เร่งพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช. รับยุค New Normal
"นายกฯ" เร่งพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พัฒนา Data Center-Cloud ระดับคุณภาพชีวิต ปชช. รับยุค New Normal
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีความสำคัญมากในปัจจุบันต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ
ดังนั้น อยากให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือกันในการพัฒนาการบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบคลาวด์กลางภาครัฐของประเทศ โดยต้องมุ่งที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะในยุคหลัง New Normal ข้อมูลต้องมีความรวดเร็วและทันสมัย รองรับการพัฒนาดิจิทัลของประเทศให้ไปสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์เต็มรูปแบบต่อไป
โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้วางแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อมุ่งสู่อนาคต ทั้งการพัฒนา Data Center และ Cloud ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการข้อมูลภาครัฐ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้ข้อมูลในการบริหารราชการให้สอดคล้องกับงบประมาณของประเทศที่มีอยู่เพื่อความโปร่งใส คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยทุกหน่วยราชการต้องมีข้อมูลที่ทันสมัย เป็นปัจจุบัน และสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์ เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ตอบสนองความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการ เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสนับสนุนโครงการที่ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) หรือ TOT เตรียมนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ ในเส้นทางที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้าและไม่มีสภาพบังคับจำนวน 12 เส้นทาง รวมระยะทาง 48.7 กิโลเมตร
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำถึงแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจัลของประเทศต้องส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลได้อย่างเหมาะสมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) การค้าออนไลน์ สุขภาพ การศึกษา การท่องเที่ยว คมนาคม โดยให้คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ยึดความต้องการของประชาชนเป็นเป้าหมายในการทำงานด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ IMD ของสถาบัน IMD World Competitiveness Center ในภาพรวมประจำปี 2563 โดยไทยถูกจัดอยู่ที่ 29 จาก 63 ประเทศ เป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ผลการจัดอันดับกลุ่มปัจจัยย่อยด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของไทย ปรับตัวดีขึ้น 4 อันดับ ในลำดับที่ 34 จาก 63 ประเทศ
โดยตัวชี้วัดที่มีอันดับโดดเด่น อาทิ ตัวชี้วัดผู้ลงทะเบียนใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ การพัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ www.bigdata.go.th เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรภาครัฐ และประชาชนทั่วไปเรื่องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงดิจิทัลฯ ยังสนับสนุนภารกิจ โดยจัดทำแอปพลิเคชัน “หมอชนะ”, “ไทยชนะ”, “AOT Airport Card2U”, “อาสาสมัครดิจิทัล” และกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ เปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการสนับสนุน เยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 1 พันล้านบาท ซึ่งได้อนุมัติจำนวน 42 โครงการ