พาราสาวะถี

เดินเกมได้ดี ตีบทได้เนียนคงหนีไม่พ้น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมงาน 4 กุมาร หลังจากที่เด็กในคาถาประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคสืบทอดอำนาจอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเฮียกวงและชาวคณะจะมีความสุข สดชื่น แจ่มใสขึ้น ตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างสบายใจ ผิดกับอีกฝ่ายที่ชัดเจนในเป้าหมายว่าต้องการอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกันจนตัวสั่น ต้องให้ลิ่วล้อออกมาทวงโควตาเสนาบดีจาก 3 รัฐมนตรีของทีมงาน 4 กุมารกันอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม


อรชุน

เดินเกมได้ดี ตีบทได้เนียนคงหนีไม่พ้น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมงาน 4 กุมาร หลังจากที่เด็กในคาถาประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคสืบทอดอำนาจอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเฮียกวงและชาวคณะจะมีความสุข สดชื่น แจ่มใสขึ้น ตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างสบายใจ ผิดกับอีกฝ่ายที่ชัดเจนในเป้าหมายว่าต้องการอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกันจนตัวสั่น ต้องให้ลิ่วล้อออกมาทวงโควตาเสนาบดีจาก 3 รัฐมนตรีของทีมงาน 4 กุมารกันอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ทั้ง ๆ ที่สมคิดและชาวคณะต่างยืนยันว่า จากกันด้วยดี แต่อีกด้านกลับพบว่าเด็กในคาถาของกลุ่มก๊วนภายในพรรคสืบทอดอำนาจ กลับด่าไล่หลัง พร้อมทวงเก้าอี้กันยิก ๆ นี่ย่อมสะท้อนว่า ความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคแกนนำรัฐบาลที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องเข้าไปกุมบังเหียนนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อตำแหน่งทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่าจะปรับตามใจฝ่ายการเมืองหรือเพื่อสร้างเสถียรภาพให้ตัวเองและรัฐบาลเรือเหล็ก

ภายในวันเดียวที่ท่านผู้นำเปลี่ยนท่าทีเรื่องการปรับครม.เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากช่วงเช้าพบผู้บริหารเดลินิวส์ประกาศว่าปรับแน่แต่ต้องรอหลังงบประมาณผ่านสภาฯ รอมีผลบังคับใช้ไปก่อน รวมทั้งให้เห็นผลจากการดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมด้วยเงินกู้ 4 แสนล้านไปก่อน ซึ่งคนก็เดากันว่าน่าจะเกิดขึ้นประมาณต้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป แต่คล้อยหลังจากนั้นในช่วงบ่ายหลังประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเหมือนหนังคนละม้วน

เมื่อท่านผู้นำประกาศว่าการปรับครม.สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป รวมทั้งจะมีการปรับทีมเศรษฐกิจด้วย คงไม่ใช่เกมการสับขาหลอกแต่น่าจะเป็นเพราะทนต่อกระแสกดดันทางการเมืองไม่ไหว หรือไม่ก็ตัดบทรำคาญต่อพวกที่ตอแยไม่เลิก เนื่องจากจนถึงเวลานี้ยังมองไม่ออกว่าในส่วนของทีมเศรษฐกิจใกล้ชิดท่านผู้นำนั้น จะหาใครมาทดแทนสมคิดและ 4 กุมาร ไม่ต้องพูดถึงคนภายในพรรคสืบทอดอำนาจ หาทำเกลือยาก

หรือว่ามีคนนอกตอบตกลงกันมาแล้ว ทั้งหมดมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้นานหรือไม่นั้น มันไม่ได้อยู่ที่หน้าตาของคนที่จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีแต่อย่างใด บทพิสูจน์ว่าประชาชนจะหมดความอดทนหรือไม่ คือการแสดงฝีมือในการแก้ไขปัญหาปากท้อง ความทุกข์ร้อนของประชาชนได้หรือไม่ ถ้ายังมัวคิดแต่ความมั่นคงต่อตำแหน่งแห่งหนของตัวเอง จัดการปัญหาการเมืองได้แต่บ้านเมืองมีปัญหาก็อยู่กันยากเหมือนกัน

ด้วยโจทย์ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเร่งแก้ไขปัญหา จึงน่าจะต้องรีบปรับให้จบกันโดยเร็ว เพราะงบประมาณปี 64 ก็มีรอให้ใช้ถึง 3.3 ล้านล้านบาท บวกกับเงินกู้อีก 1.9 ล้านล้านบาท ต้องเร่งสร้างผลงานให้ปรากฏ ถือเป็นบททดสอบศักยภาพของทีมงานผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่า จะช่วยกันได้อย่างไร ใครที่เคยอยู่เบื้องหลัง อาจถึงคราวที่จะต้องก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้าเพื่อเรียกความเชื่อมั่น แต่ด้วยสถานการณ์คนส่วนใหญ่ก็ยังมองไปในมุมเดียวกันว่าไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น

กกต.ประกาศแล้วว่าจะเลือกตั้งส.ส.เขต 5 สมุทรปราการใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พรรคสืบทอดอำนาจก็ใช้ผู้สมัครรายเดิม กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ลงชิงชัย โดยมี 2 คู่แข่งจากฝ่ายค้านคือเพื่อไทยและก้าวไกลตามประกบ พอเห็นสูตรแบบนี้ จึงแทบไม่ต้องไปลุ้นผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร ฝ่ายรัฐบาลชนะแบเบอร์แน่นอน ขนาดวัดกันตัวต่อตัวยังสู้ไม่ได้ แต่นี่ฝ่ายค้านมาแย่งคะแนนกันเองก็เท่ากับแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งกันแล้ว

น่าแปลกใจทำไมจึงเดินเกมอย่างนี้ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ ไหน ๆ ก็รู้อยู่ว่าแพ้แน่นอน สองพรรคฝ่ายค้านคงจะส่งผู้สมัครเพื่อรักษาฐานเสียงของตัวเอง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลไม่รู้ว่ามีแรงกระตุ้นมาจากผลของซูเปอร์โพลหรือเปล่าว่าถ้าเลือกตั้งวันนี้ประชาชนจะเลือกคนของอดีตพรรคอนาคตใหม่มาเต็มสภา (ฮา) เห็นกันอยู่ว่าเลือกตั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้วพรรคสืบทอดอำนาจชนะยกจังหวัด นั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่าพื้นที่ปากน้ำนั้นเขาเล่นการเมืองกันแบบใด

ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ทำท่าว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่ยังมีเสียงเรียกร้องมาจากหลายฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด โคทม อารียา อดีตกกต.เสนอแนะว่า ควรจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในทุกระดับหรือทุกรูปแบบภายในปีนี้ และเพื่อให้กกต.มีเวลาเตรียมความพร้อมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรืออปท. พอสมควร จึงขอให้ครม.มีมติในเรื่องนี้โดยเร็ว ถ้าเป็นไปได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เป็นสิทธิทางการเมืองที่สำคัญเสียที

อย่างที่บอกว่าเหตุและปัจจัยเดียวที่ฝ่ายกุมอำนาจหรือฝ่ายสืบทอดอำนาจยังไม่ยอมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะเกรงว่าผลที่ออกมามันจะสวนทางกับการเลือกตั้งซ่อมส.ส.หลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากการเลือกตั้งส.ส.มันสามารถที่จะใช้กลไกอำนาจเข้าไปบริหารจัดการแบบหวังผลได้ แต่ในกรณีของการเลือกตั้งท้องถิ่นมันชัดเจนว่า แต่ละแห่งขึ้นอยู่กับผลงานของอดีตตัวแทนท้องถิ่นนั้น ๆ ทำดีก็ได้ไปต่อและแนวโน้มก็จะเป็นเช่นนั้น

ซึ่งก็พอเป็นภาพสะท้อนได้ว่าความพยายามในการกวาดต้อนคนท้องถิ่นให้มาอยู่ภายใต้อาณัติของฝ่ายสืบทอดอำนาจนั้นไม่สามารถทำได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เสียทีหลังจากที่ลากยาวไม่มีเลือกตั้งกันมานานกว่า 10 ปี แต่ขณะเดียวกันการยึดยื้อเช่นนี้ก็เป็นการยอมรับไปในตัวว่ารัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นยังคงยึดมั่นในแนวคิดรวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลาง เพื่อให้ท้องถิ่นเป็นกลไกลของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้ส่งเสริมบทบาทให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้

ทำให้ท้องถิ่นพัฒนาแบบถอยหลังลงคลอง ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นเนิ่นช้าออกไปอีกคงเป็นการประกาศเดินหน้าส่งผู้สมัครของคณะก้าวหน้าที่ถือเป็นกลุ่มก้อนทางการเมืองที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ชอบขี้หน้า ยิ่ง ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าประกาศว่าท้องถิ่นถือเป็นกลไกประชาธิปไตยระดับพื้นฐาน เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยระดับชาติ และมีส่วนสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนของพรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลและแก้รัฐธรรมนูญด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผู้มีอำนาจต้องลากยาวเลือกตั้งท้องถิ่นกันออกไปอีก

Back to top button