สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดสถานประกอบการบางประเภทอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงบาร์และโรงภาพยนตร์ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,085.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.50 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,155.22 จุด ลดลง 29.82 จุด หรือ -0.94% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,390.84 จุด ลดลง 226.60 จุด หรือ -2.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19, การเปิดเผยรายงานผลประกอบการที่สดใส และการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.00% ปิดที่ 370.50 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,056.23 จุด เพิ่มขึ้น 85.76 จุด หรือ +1.73%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,799.97 จุด เพิ่มขึ้น 166.26 จุด หรือ +1.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,176.19 จุด เพิ่มขึ้น 80.78 จุด หรือ +1.33%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยฟื้นตัวจากการติดลบในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเริ่มเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ของบริษัทจดทะเบียนของอังกฤษในสัปดาห์นี้ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นนั้น ยังคงกดดันบรรยากาศการซื้อขายก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,176.19 จุด เพิ่มขึ้น 80.78 จุด หรือ +1.33%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 40.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 42.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นในสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐฟลอริดาซึ่งมีผู้ติดเชื้อในวันเดียวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 1,814.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 73.5 เซนต์ หรือ 3.86% ปิดที่ 19.788 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 17.1 ดอลลาร์ หรือ 2.02% ปิดที่ 863 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 46.50 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 2,040.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.20% สู่ระดับ 96.4633 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3587 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3589 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.28 เยน จากระดับ 106.93 เยน และแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9416 ฟรังก์ จากระดับ 0.9415 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1352 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1297 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2570 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2625 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6963 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6946 ดอลลาร์สหรัฐ