TQM ชงบอร์ดปันผล-ซื้อกิจการ ส.ค.นี้ ผุดแคมเปญ “ปักหมุดไว้เที่ยวไปด้วยกัน” ลุยครึ่งปีหลัง

นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ส.ค.นี้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 มียอดขายกรมธรรม์โรคโควิด-19 ที่ดี โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาจ่ายปันผลในอัตรา 80-90% ของกำไรสุทธิ นอกจากนั้น บริษัทจะเสนอวาระการซื้อกิจการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

“งบไตรมาส 2/63 จะแจ้งตลาดในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งเราจะมีการประชุมบอร์ดในเดือนนี้เช่นกัน ซึ่งเรามี 2 วาระใหญ่ๆคือ พิจารณาจ่ายปันผล และ การเข้าซื้อกิจการ เราก็จะมีการตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนที่จะประกาศงบออกมา”นายอัญชลิน กล่าว

สำหรับการที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น นายอัญชลิน มองว่าเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนรายย่อยเสนอให้บริษัทแตกพาร์เพื่อให้รายย่อยสามารถเข้าซื้อหุ้น TQM ได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการแตกพาร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำในปีนี้

“เรื่องแตกพาร์เป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้าถึง เพราะตอนนี้มีต่างชาติ สถาบัน กองทุนต่างไป สอบถาม และ ต้องการถือหุ้นเพิ่ม”นายอัญชลิน กล่าว

โดยปัจจุบัน โครงสร้างผู้ถือหุ้น TQM ประกอบครอบครัวอัญชลินประมาณ 60%, บริษัทประกันภัยประมาณ 12% และ ต่างชาติกับสถาบันมากกว่า 10%

ทั้งนี้บริษัทมีแผนรุกธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังผ่านแคมเปญพิเศษ “ปักหมุดไว้เที่ยวไปด้วยกัน” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้เริ่มวางแผนการท่องเที่ยวอย่างสบายใจและรู้สึกปลอดภัยด้วยการทำการเลือกทำประกันก่อนออกเดินทาง ซึ่งเป็นแคมเปญที่ TQM ร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันภัยออกแบบความคุ้มครอง 5 ประเภท ประกอบด้วย ประกันการเดินทางภายในประเทศ เริ่มต้นเพียง 55 บาท คุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท,

ส่วนประกันรถยนต์ เบี้ยเริ่มต้นเพียง 7,499 บาทสำหรับประกันชั้น 1, ประกันอุบัติเหตุเที่ยวสบายใจ ด้วยราคาสบายกระเป๋าเพียง 999 บาทต่อปี , ประกันบ้าน คุ้มครองตัวบ้านและทรัพย์สิน เบี้ยเริ่มต้นเพียง 1,800 บาทต่อปี และ ประกันภัยโควิด-19 เฟส 2 เบี้ยเริ่มต้น 99 บาท คุ้มครองสูงสุดกว่า 3 แสนบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 100 ล้านบาท