ใต้ร่มเงาบ้านลาดพร้าว

ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์

ทุกวันอาทิตย์ นับแต่เปิดบ้านเช้ายันเย็นที่ซอยลาดพร้าว 71 จะมีรถจอดหน้าบ้านยาวเรียงราย 2 ฝั่ง ด้านชิดรั้วหน้าบ้านจะเปิดให้รถจอดได้ 2 ช่องทาง และด้านฝั่งตรงข้ามจะจอดได้ 1 ช่องทาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.โชคชัย 4 อำนวยความสะดวกที่จอดรถกลางถนนหลวงให้เป็นอันดี

ทั้งที่ตำรวจสน.นี้ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยบจัดกับปัญหาการจอดรถเป็นอันมาก ใครจอดรถผิดฝั่งวันคู่วันคี่เป็นได้ถูกล็อกล้อทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดที่รถว่าง ตำรวจสน.นี้ก็ยังคงขยันเข้มงวดกับประชาชนอย่างไม่ลดราวาศอก

บ้านนี้เขามีดีอะไรนักหรือ? ถึงได้เปิดบ้านจัดชุมนุมกันได้ทุกสัปดาห์

เท่าที่เห็นคนที่มาส่วนใหญ่ก็มีทั้งตำรวจ ทหาร และข้าราชการแทบจะทุกกระทรวงทบวงกรม ยามเดินออกมาจากรั้วบ้านก็มักจะมีสีหน้าระรื่นชื่นบานกันทุกคน บางทีก็มีเสียงเล็ดลอดทักทายกันออกมาว่า “ได้เจอนายไหม” บ้างก็ว่า “นายโอเคหรือเปล่า”

สรุปว่าบ้านหลังนี้ เป็นบ้านแห่งความหวัง! ไม่รู้ว่าร้อยรัดผูกใจกันด้วยอะไร จะด้วยอำนาจ ด้วยเงิน ผลประโยชน์ตอบแทนใด หรือร้อยรัดกันด้วยน้ำใสใจจริง ก็เป็นเรื่องน่าติดตาม

กรณีเงินค่าเยียวยาคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์มูลค่า 3,200 ล้านบาทของอสมท ที่ยังคาราคาซังอยู่ ดูไปแล้ว ตัวละครฝ่ายต่าง ๆ ก็มีการก่อรูปก่อร่างพัวพันออกมาจากบ้านหลังนี้ไม่น้อย

ความผิดปกติของเรื่องนี้ก็อยู่ที่เงินเยียวยาจากการเวนคืนคลื่น ที่กสทช.อนุมัติจ่าย 3.2 พันล้านบาทให้อสมท นั่นแหละครับ แต่ผอ.อสมท โดยเขมทัตต์ พลเดชก็ใจดีผิดปกติ ยืนกรานเงินที่กสทช.ให้มาจะต้องจัดสรรให้แก่คู่สัญญาเอกชนของอสมท คือบริษัทเพลย์เวิร์คในจำนวนเท่ากันกับที่อสมท ได้รับ

นั่นคือถ้ากสทช.อนุมัติจ่ายให้อสมท 3.2 พันล้านบาท ก็ต้องจ่ายให้กับบ.เพลย์เวิร์ค 3.2 พันล้านบาทด้วย ถ้ายอมตามนั้นกสทช.ก็จะต้องจ่ายเงินเบ็ดเสร็จรวมทั้งสิ้นถึง 6,400 ล้านบาท

กสทช.ไม่ยอม บอกว่าจ่ายขาดอสมท 3.2 พันล้านบาทไปแล้ว อสมท จะไปจัดสรรให้ใครเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของอสมท เอง หากไม่พอใจก็ไปร้องอุทธรณ์ที่ศาลปกครองได้

ความสมเหตุสมผลมันอยู่ตรงไหน ที่บริษัทโนเนมอย่างเพลย์เวิร์ค ทำธุรกิจเคเบิลทีวีกับอสมท ที่ไม่มีใครรู้จักแพร่หลายนักจะได้รับการเยียวยาตั้ง 3.2 พันล้านบาท

บริษัทนี้มีมูลค่าการตลาดสักเท่าไหร่กันเชียว ใช้เงินลงทุนสักเท่าไหร่ไปแล้ว และมีอนาคตเป็นเงินเป็นทองมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีใครจะสนใจสืบค้นกันเลย แม้กระทั่งตัวอสมท ที่เป็นเจ้ากี้เจ้าการจูงมือบริษัทเพลย์เวิร์คเข้ามาผสมโรงรับเยียวยาด้วย

รายได้ตามงบการเงินของบริษัทที่สามารถสืบค้นได้ในช่วง 3 ปี ก็ไม่ได้จะมีรายได้มากมายอะไรเลย งบปี 2560 มีรายได้ 169 ล้านบาท กำไร 59 ล้านบาท งบปี 2561 รายได้รวม 235 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท และงบปี 2562 รายได้รวม 188 ล้านบาท กำไรเหลือ 10 ล้านบาท

แนวโน้มถดถอยทั้งรายได้และกำไร กิจการก็กระจิริดเป็นธุรกิจตะวันตกดินเช่นนี้ สมควรจะได้รับการเยียวยาด้วยเงินก้อนโตถึง 3.2 พันล้านบาทเชียวหรือ วิญญูชนระดับผู้บริหารอย่างผอ.เขมทัตต์ ทำไมถึงมองไม่ออก

พิรุธและข้อสงสัยที่ไม่มีคำตอบเช่นนี้แหละ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์พิสดารที่บอร์ดอสมท ยื่นใบลาออกถึง 6 คน ต่างให้เหตุผลคล้ายคลึงกัน คือ 1.ไม่เห็นด้วยกับหนังสือที่ผอ.อสมท มีไปยังกสทช.ว่า อำนาจในการพิจารณาค่าชดเชยเป็นของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไม่ใช่อำนาจของบอร์ด และ 2.ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งค่าเยียวยากับคู่สัญญาอสมท ในจำนวนเท่า ๆ กัน

กระทั่งเลขานุการบอร์ด ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประจำก็ยังยื่นใบลาออก

เหตุผลในการออกของบอร์ดรวมทั้งเลขาฯ บอร์ด ก็เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับผอ.อสมท หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่อยากจะมีเรื่องพัวพันเกี่ยวกับคุกตะราง หากเรื่องนี้ยังดำมืดไม่มีความโปร่งใส

สรุปแล้ว บอร์ดอสมท ซึ่งมีพล.ต.ท.จตุพล ปานรักษาเป็นประธาน มีจำนวนทั้งสิ้น 13 คน พ้นสภาพตามอายุ 1 คน และลาออก 6 คน เท่ากับเหลือกรรมการปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียง 6 คน ไม่ครบองก์ประชุมที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แนวโน้มก็จะยังเป็นบอร์ดพิการอีกต่อไป เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามารับแต่งตั้งบอร์ด

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีสำนักนายกฯ คนก่อน บอกว่ารายงานเรื่องนี้ให้นายกฯ ตู่เรียบร้อยตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. และตนได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว กำหนดสอบให้แล้วเสร็จใน 15 วัน ก็ประมาณสิ้นเดือนมิ.ย.ที่แล้ว แต่จนป่านนี้ ล่วงเลยมาเกินกว่า 20 วันแล้ว ผลสอบก็ยังไม่ออก

ไม่รู้ว่าเรื่องมุดหายเข้าบ้านลาดพร้าว บ้านแห่งความหวังและคุ้มภัย เพื่อรอวันออกมารับเงินเยียวยา 3.2 พันล้านบาทหรือไม่