ประเทศที่ชอบโหรฟันธงทายท้าวิชามาร
ระเบิดศาลพระพรหมราชประสงค์ที่ทำให้คนตายเจ็บนับร้อย ใครทำยังไม่รู้ แต่คนอวดรู้มากเหลือเกิน วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ทั้งที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสังคมออนไลน์ ใครๆ ก็เป็นสื่อได้ ใครๆ ก็เป็นนักวิเคราะห์ได้ ก็ละเลงกันใหญ่
ระเบิดศาลพระพรหมราชประสงค์ที่ทำให้คนตายเจ็บนับร้อย ใครทำยังไม่รู้ แต่คนอวดรู้มากเหลือเกิน วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ทั้งที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสังคมออนไลน์ ใครๆ ก็เป็นสื่อได้ ใครๆ ก็เป็นนักวิเคราะห์ได้ ก็ละเลงกันใหญ่
สังคมไทยอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสารแต่คนไทยอ่านหนังสือแค่ 8 บรรทัดใช้เวลาส่วนมากดูดราม่าหลังข่าว จึงอยากได้คำตอบ “ใครทำ” แบบบะหมี่สำเร็จรูปลวกกินได้ โดยตัวเองมีธงไว้ในใจ พอระเบิดตูม คนฝ่ายหนึ่งที่เกลียดรัฐบาลเก่า ก็ฟันธงว่าฝีมือ “มัน” แน่ๆ ที่เคียดแค้นเพราะถูกถอดยศ บางคนอ้างข้อมูลลับเป็นตุเป็นตะยังกะสำนักข่าวกรองแห่งชาติทั้งที่เป็นแค่ดีเจ ส่วนคนอีกฝ่ายก็ย้อนว่าสร้างสถานการณ์เองหรือเปล่า เพียงแต่คนฝ่ายหลังยังน้อยกว่าฝ่ายแรก ซึ่งมีเสรี Oral อยากใช้ลิ้นกล่าวหาใครก็พูดได้ตามอยาก
ชาวบ้านพูดยังพอทำเนา ยังไม่เท่าคนมีหน้าที่รับผิดชอบ อย่าง พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่พูดออกสื่อชัดถ้อยชัดคำ “แนวโน้มน่าจะเป็นกลุ่มผู้เสียประโยชน์เดิมๆ ที่ไม่อยากเห็นประเทศมีความสุข” ครั้งก่อนตอนคาร์บอมบ์สมุยไม่เข็ดหรือครับ หรือครั้งนี้จะบอกว่าท่านพูดตอนไม่ได้เป็นโฆษกรัฐบาล เพราะลาออกไปแล้วเพิ่งตั้งใหม่วันอังคาร
อ้อ แล้วที่ท่านอ้างทฤษฎี Conspiracy โทษคนปล่อยข่าวลือปิดโรงเรียนปิดธนาคารปิดสถานที่ราชการ ฯลฯ ว่าน่าจะโยงใยกัน ก็ทำให้คนจำนวนมากตกอกตกใจ ถูกกล่าวหาไปด้วยทั้งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะมันเป็นธรรมชาติสังคมไทยอยู่แล้วที่เกิดเหตุร้ายต้องลือให้แซ่ดต้องแชทขยายความ
จนเช้าวันอังคารที่มีภาพวงจรปิด เห็นผู้ต้องสงสัย (ที่สื่อมองว่าคล้ายชาวต่างชาติ) คำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐจึงรัดกุมขึ้น
รัฐบาลไม่ว่าผู้นำผู้ตามต้องระมัดระวังคำพูดเคร่งครัด อย่าชี้นำหรือก้าวล้ำผลการสอบสวนของตำรวจ โดยเฉพาะผลพิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ โปรดตระหนักว่าการให้ความเห็นหรือข้อสันนิษฐานส่วนตนไม่เป็นผลดีต่อสังคมที่กำลังแตกแยก
ตรงกันข้าม การควบคุมสถานการณ์ให้นิ่ง มั่นคง พูดตรงไปตรงมาเท่าที่จำเป็น จะทำให้ได้ความนิยมระยะยาว เพราะสถานการณ์นี้ทำให้คนไทยไม่ว่าสีไหนก็ผนึกความรู้สึกเอาใจช่วยรัฐบาลโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
อ้าว ไม่ว่าสีไหนก็ไม่อยากโดนระเบิดตายนี่ครับ เดี๋ยวราชประสงค์ เดี๋ยวสาทร บึ้มขึ้นมามันเลือกข้างซะเมื่อไหร่
ไม่ว่าใครเป็นคนทำ ระเบิดครั้งนี้ก็เปลี่ยนสถานะประเทศไทยให้อยู่ในความเสี่ยง ที่คนไทยต้องร่วมกันรับกรรมและรับมือต่อไป เพราะถ้าสังเกตตามข้อเท็จจริง ลักษณะความรุนแรงแสดงว่าคนร้ายเป็น “มืออาชีพ” เป็นกลุ่มขบวนการที่มีศักยภาพ ไม่ใช่มือระเบิดบ้านๆ
กรุงเทพฯ ไม่เคยเกิดเหตุระเบิดรุนแรงขนาดนี้ ระเบิดการเมืองที่เคยใช้ต่อรองกัน หรือใช้สร้างสถานการณ์ ก็มักบึ้มในจุดไม่มีคนพลุกพล่าน เช่นครั้งพารากอนก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ใครตาย ระเบิดใน 3 จังหวัดใต้ก็ไม่เคยมีคนตายมากขนาดนี้ และขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็ไม่เคยข้ามมาก่อเหตุนอกพื้นที่ ถ้าจะว่าฝีมือผู้ก่อการร้ายสากล ประเทศไทยก็ไม่เคยเหยียบตีนใคร กรณีอุยกูร์ก็ไม่น่าจะใหญ่พอ
คิดแล้วมืดแปดด้าน รู้แต่ว่าอย่าสาดโคลนกันเปะปะ และยังไงซะก็เป็นชะตากรรมร่วมกัน ทั้งในแง่ความเสี่ยงและผลกระทบทางเศรษฐกิจ เป็นผลร้ายกับคนไทยทุกคนอยู่ดี
ใบตองแห้ง