ดาวโจนส์ปิดลบ วิตกตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (17 ส.ค.) ที่ 17,511.34 จุด ลดลง 33.84 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,059.35 จุด ลดลง 32.35 จุด หรือ -0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,096.92 จุด ลดลง 5.52 จุด หรือ -0.26% ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 245.50 จุด หรือ 6.15% ปิดที่ 3,748.16 จุดเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ท โดยหุ้นวอลมาร์ทร่วงลง 3.38% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ต่อหุ้นตลอดปี 2558 ลงมาอยู่ในช่วง 4.40-4.70 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 4.70-5.05 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นค่าจ้าง และความผันผวนของค่าเงิน

ขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของวอลมาร์ท ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.21 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 บ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฮมดีโปท์ ปรับขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นเลนนาร์ คอร์ป และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.7% ส่วนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ร่วงลง หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ได้แสดงมุมมองในด้านลบเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 4.9% หุ้นแซนดิสก์ ดิ่งลง 2.2% และหุ้นสกายเวิร์ค โซลูชันส์ ร่วงลง 5.8%

นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยในวันพุธตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินท่าทีของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ด้านนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.

Back to top button