IRPC เล็งออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ วงเงิน 2.8 หมื่นลบ. ขายรายย่อย-กองทุน เสริมสภาพคล่องธุรกิจ
IRPC เล็งออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ วงเงิน 2.8 หมื่นลบ. ขายรายย่อย-กองทุน เสริมสภาพคล่องธุรกิจ
นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ภายใต้โครงการหุ้นกู้ของ IRPC ปี พ.ศ. 2563 วงเงิน 28,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A-(tha) จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563
โดย IRPC เตรียมที่จะออกหุ้นกู้ภายใต้โครงการดังกล่าวเร็วๆ นี้ โดยมีสถาบันการเงิน 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย, ธนาคารทหารไทย และ บล.ภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งหุ้นกู้ของ IRPC น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน ในสภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง เนื่องจากสามารถให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินลงทุนทั่วไป รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ ซึ่งจะเสริมสภาพคล่องให้บริษัทฯ ในการบริหารจัดการตามแผนกลยุทธ์ เร่งเพิ่มขีดสมรรถภาพ และความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
รวมทั้งรองรับโอกาสการลงทุนที่ตอบโจทย์วิถีการดำรงชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) เช่น โครงการปรับปรุงการกลั่นตามมาตรฐานน้ำมันยุโรป (ยูโร 5) โครงการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายน้ำมันทั่วประเทศ โครงการการขุดลอกร่องน้ำท่าเทียบเรือ เพื่อรองรับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบ การเพิ่มสัดส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม รวมถึงการนำระบบดิจิทัลมาใช้ทั่วทั้งองค์กรผ่านโครงการ IRPC 4.0 ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากกว่า 4,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ IRPC ยังคงมีความสามารถในการลงทุน 28,000 ล้านบาทตามแผนลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2563 – 2567) คู่ขนานไปกับการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิตอย่างเคร่งครัด มีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่า IRPC จะมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต