ประเทศอุ้ม-อุ้ม
สังคมไทยพอใจหรือยัง อัยการจะรื้อฟื้นคดี สั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” โดยอาศัยแทคติกทางกฎหมาย อ้างพยานหลักฐานใหม่ คำให้การอาจารย์ฟิสิกส์ จุฬาฯ ที่ไม่ปรากฏอยู่ในสำนวนว่า รถเฟอร์รารี่วิ่งด้วยความเร็ว 170 กม.ต่อชั่วโมง โดยแถมข้อหาเสพโคเคน ที่ไม่ใช่ยารักษาฟัน เพิ่มไปด้วย
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
สังคมไทยพอใจหรือยัง อัยการจะรื้อฟื้นคดี สั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” โดยอาศัยแทคติกทางกฎหมาย อ้างพยานหลักฐานใหม่ คำให้การอาจารย์ฟิสิกส์ จุฬาฯ ที่ไม่ปรากฏอยู่ในสำนวนว่า รถเฟอร์รารี่วิ่งด้วยความเร็ว 170 กม.ต่อชั่วโมง โดยแถมข้อหาเสพโคเคน ที่ไม่ใช่ยารักษาฟัน เพิ่มไปด้วย
ส่วนที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ใครผิด? ก็ยังงง ๆ เพราะอัยการบอกว่าทำตามกฎหมาย เมื่อได้รับการร้องขอความเป็นธรรมผ่านกรรมาธิการ สนช. ก็สั่งสอบสวนเพิ่มเติม แล้ววินิจฉัยตามพยานหลักฐานที่ได้เพิ่ม ตำรวจก็บอกว่าที่ไม่เห็นแย้ง เพราะไม่มีอำนาจ เป็นประเด็นที่สงสัยไม่ได้ แม้สงสัยก็ไม่มีอำนาจชั่งน้ำหนักพยาน แค่ดูว่าครบองค์ประกอบตามกฎหมายหรือไม่
ปรบมือให้กฎหมายไทย หาทางออกได้หมด แต่เอาละ คนรวยไม่รอดแล้วไง เรื่องที่พยานไปประสบอุบัติเหตุ ซึ่ง ส.ว.สงสัยว่าฆ่าตัดตอน หมอพรทิพย์สงสัยการชันสูตร นายกฯ อุตส่าห์สั่งอายัดศพ ตำรวจต้องขึ้น ฮ.บินด่วนไปเบรกไม่ให้ญาติเผา สุดท้ายก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย
เป็นเหตุบังเอิญที่มาเกิดในจังหวะนี้พอดี แต่มันสะท้อนว่านาทีนี้ ประชาชนไม่ไว้วางใจความยุติธรรม
จะให้วางใจอย่างไร ทุกอย่างดูมีลับลมคมใน กระทั่งคดีขับรถหรูไปยิงกัน ก็พัวพันธุรกิจหน้ากากอนามัย อ้าว ไหนว่าไม่มีกักตุน ทำธุรกิจปกติทำไมต้องยิงกัน ผู้เกี่ยวข้องโพสต์เฟซเล่า ก็โยงไปถึงคดีเก่า
เช้ามาอีกวัน ยิงกันในบ่อน สารวัตรตาย ใครว่าไม่มีบ่อน ก็มีทุกยุคสมัย แต่รัฐบาลทหาร 6 ปีหลอกว่าไม่มี อ้างว่าโปร่งใส ทั้งที่ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร
ตัดกลับมาที่ตลาดหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย AOT แจ้งตลาดถึงมาตรการเยียวยาคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ซึ่ง บล.กสิกรไทย “ไม่เห็นด้วย” กับการให้ส่วนลดเงินการันตีขั้นต่ำ โดยไม่เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพราะคาดว่าผลกระทบจะมากถึง 133,800 ล้านบาท
โชคดีนะ ไม่ใช่ยุคทักษิณ ไม่งั้นคงโดนสหภาพรัฐวิสาหกิจเล่นงานฐานทำประเทศชาติเสียหาย ยึดทรัพย์ตัดสิทธิติดคุกไม่จบไม่สิ้น แต่บังเอิญเป็นยุคลุงคนดีย์ปกครองบ้านเมือง เลยไม่มีใครว่าอะไร
เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้แค่ไหน ภายใต้รัฐบาลที่ประชาชนไม่เชื่อมั่น ไม่ได้พูดแค่คนที่ต่อต้านหรือคนที่ออกมาไล่ แต่ประชาชนทั่วไปไม่เชื่อมั่นต่อความยุติธรรม ต่อความเหลื่อมล้ำ ต่อความโปร่งใส ในยุคที่เศรษฐกิจวิบัติ รัฐต้องใช้มาตรการต่าง ๆ เข้าไปอุ้มภาคธุรกิจ คนตกงาน ใช้เงินกู้ใช้งบลงไปทำโครงการต่าง ๆ
ไม่กี่วันก่อน เห็นโครงการจ้างงานของมหาดไทย ก็อดห่วงแทนไม่ได้ จ้างคนจบปริญญาตรีจัดเก็บข้อมูลพัฒนาตำบล 14,510 อัตรา ตำบลละ 2 อัตรา ค่าตอบแทนเดือนละหมื่นห้า 12 เดือน ให้สมัครที่อำเภอ ไม่ยักบอกว่าจะใช้เกณฑ์คัดเลือกคนอย่างไร เดี๋ยวก็ร้องกันให้วุ่นว่ามีเส้นสาย เด็กฝาก กินหัวคิว ฯลฯ เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นระบบราชการ
ในทางการเมือง รัฐบาลกำลังโดนม็อบไล่ นอกจากเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ยังจี้ปัญหาอุ้มหาย การคุกคามประชาชน ตลกร้ายคือใครออกมาชุมนุมก็โดนกับตัว ทั้งโดนเจาะจงถ่ายภาพใบหน้า เก็บประวัติ ตามกดดันถึงบ้าน เรียกไปคุย ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็ใช้ครูอาจารย์ ฯลฯ
นี่คือการใช้อำนาจเกินขอบเขต เกินกฎหมาย ละเมิดสิทธิ แต่รัฐบาลยังออกมาประกาศ “สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ” ขณะเดียวกันก็หันมาเล่นไม้นวม พร้อมเจรจานักศึกษา พร้อมแก้รัฐธรรมนูญ แต่ให้รอสมัยหน้า ซึ่งเตะถ่วงกันไปมา กว่าจะแก้เสร็จ 250 ส.ว.ก็ครบวาระ 5 ปี ประยุทธ์อยู่ครบ 8 ปี
อุ้มกันไปอุ้มกันมาอย่างนี้ วิบัติก่อน