SMART เล็งเพิ่มไลน์สินค้าอิฐมวลเบาตกแต่ง หลังยอดขายโต วางเป้าปี 64 ดันมาร์จิ้นโตแตะ 15%
SMART เล็งเพิ่มไลน์สินค้าอิฐมวลเบาตกแต่ง หลังยอดขายโต วางเป้าปี 64 ดันมาร์จิ้นโตแตะ 15%
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสินค้าใหม่ให้มีความหลากหลาย ในกลุ่มสินค้าอิฐมวลเบาประเภทตกแต่งที่ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างมาร์จิ้นให้กับบริษัทได้ค่อนข้างดี เพื่อผลักดันอัตรากำไรสุทธิในปี 64 สูงขึ้นไปแตะ 15% จากปีนี้ที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 10%
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าในกลุ่มตกแต่งเป็น 7% ในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ในระดับ 5% ทั้งการขยายฐานลูกค้าประเภทโครงการ รวมถึงการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายร้านค้าและการขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายในร้านค้าไทวัสดุและโกลบอลเฮ้าส์ที่มีจุดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 100 จุด
สำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตกแต่งเติบโตแล้วเกือบ 30% จากเป้าหมายทั้งปีจะเติบโตให้ได้ 40% ต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งบริษัทจะปรับกลยุทธ์เพื่อผลักดันการกระจายสินค้าให้มากที่สุดผ่านทุกช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะโมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีก และเพิ่มตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากสินค้าในกลุ่มตกแต่งแม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาปกติประมาณ 10% แต่บ้านหนึ่งหลังจะใช้ตกแต่งประมาณ 10% ของการสร้างบ้านเท่านั้น
โดยแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 62 ที่มีรายได้ 466 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ทำให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และโครงการเมกะโปรเจ็คต์ขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า และรถไฟรางคู่
ขณะที่แนวโน้มภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น นโยบายลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนการขยายตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศ CLMV ขณะนี้บริษัทส่งสินค้าไปจำหน่ายในกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในทั้งสองประเทศ โดยบริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นเพื่อขยายตลาดในกลุ่ม CLMV อย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 2% จากยอดขายรวมทั้งหมด